อันการรบนั้น สู้ศึกด้วยรบสามัญ ชนะด้วยรบพิสดาร ฉะนั้นผู้สันทัดการรบพิสดาร จักไร้สิ้นสุดดุจฟ้ดิน จักมิเหือดแห้งดุจสายน้ำ จักหยุดหรือหวนรบดุจเดือนตะวัน จักตายหรือกลับฟื้นดุจฤดูกาล เสียงมีเพียงห้า ห้าเสียงพลิกผัน จึงฟังมิรู้เบื่อ สีมีเพียงห้า ห้าสีพลิกผัน จึงดูมิรู้หน่ย รสมีเพียงห้า ห้ารสพลิกผัน จึงลิ้มมิรู้จาง สถานะศึก มีเพียงสามัญ และพิสดาร สามัญและพิสดารพลิกผัน จึงเห็นมิรู้จบ สามัญและพิสดารพัวพันหันเหียน ดุจวงกลมที่มิมีจุดเริ่มต้น จักมีที่สิ้นสุดได้ไฉน ความแรงของกระแสน้ำไหลเชี่ยว สามารถพัดหินลอยเคลื่อนนี้คือพลานุภาพ
Saturday, May 5, 2018
ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ ๕ พลานุภาพ
อันการปกครองไพร่พลมาก ให้เสมือนหนึ่งปกครองไพร่พลน้อย ก็ด้วยการจัดกำลังพล การบัญชาไพร่พลมาก ให้เสมือนหนึ่งบัญชาไพร่พลน้อย ก็ด้วยการจัดอาณัติสัญญาณ ไพร่พลสามทัพมิพ่ายเมื่อสํ้ข้าศึก ก็ด้วยการรบสามัญและพิสดาร การรุกรบข้าศึก ประหนึ่งเอาหินทุ่มไข่ ก็ด้วยการใช้แข็งตีอ่อน
สุมาอี้ : คนไประบบต้องอยู่
"สุมาอี้"
ชื่อนี้ผู้ที่อ่านสามก๊กคงรู้จักกันดีว่าเป็นผู้สวมบท "ตาอยู่"
ในการรบระหว่างสามยอดคน "เล่า-โจ-ซุน" และเป็นคนที่ชิงจังหวะยึดแผ่นดินรวมก๊กที่แตกแยกเข้าด้วยกันได้สำเร็จ
แต่ผู้ที่ไม่ได้อ่านสามก๊กอาจจะสงสัยว่า สุมาอี้คือใคร มาจากไหน
โดยสังเขป สุมาอี้เป็นข้าราชการให้กับโจโฉมาก่อน แต่ด้วยบุคลิกที่เรียกว่า
"จิ้งจอกเหลียวหลัง" ที่สามารถใช้สายตามองด้านหลังผ่านหัวไหล่
โดยที่คอยังตั้งตรงอยู่ได้ ลักษณะแบบนี้โจโฉมองว่าไม่ดี
Subscribe to:
Posts (Atom)