Thursday, December 13, 2018

แฮหัวตุ้น หยวนหราง (เซี่ยโหวตุ้น) “ยอดขุนพลตาเดียว”

            แฮหัวตุ้น หรือ เซี่ยโหวตุ้น (Xiahou Dun) ชื่อรอง หยวนหราง (Yuanrang) ปีเกิดไม่แน่ชัด เชื่อว่าเกิดปีค.ศ.160 เป็นชาวเฉียว เมืองเป่ย เฉินโซ่วบันทึกไว้ว่า แฮหัวตุ้นเป็นทายาทรุ่นหลังของแฮหัวหยิง ยอดขุนพลที่มีชื่อเสียงในตอนต้นของราชวงศ์ฮั่น

ความจริงแล้วแฮหัวตุ้นเป็นคนในตระกูลเดียวกันกับโจโฉ เพราะบิดาของโจโฉคือโจโก๋นั้นเดิมทีแล้วเป็นคนจากตระกูลแฮหัว แต่ต่อมาได้ไปเป็นบุตรบุญธรรมของมหาขันทีโจเต็ง โจโฉจึงได้ใช้แซ่โจต่อมา ดังนั้น แฮหัวตุ้นจึงเป็นลูกพี่ลูกน้องของโจโฉที่มีอายุไล่เลี่ยกันมากที่สุด และมีความสนิทสนม ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจมากที่สุดด้วย

            เมื่ออายุ 14 ปี แฮหัวตุ้นได้ร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ในบ้านเกิด เขาฝึกฝนทั้งวิชาทวน กระบี่ และศึกษาตำรา แต่ครั้งหนึ่ง มีคนมากล่าวดูถูกอาจารย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงสังหารคนผู้นั้นทิ้ง นับแต่นั้น แฮหัวตุ้นจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วว่าเป็นผู้มีอารมณ์เลือดร้อนและชอบใช้กำลังรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้มีความซื่อตรงและเที่ยงธรรมด้วย

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ ๘ เก้าลักษณะ

อันหลักแห่งการบัญชาทัพนั้น แม่ทัพรับโองการจากประมุข ระดมไพร่รวบรวมพล พื้นที่วิบากไม่ตั้งค่าย พื้นที่คาบเกี่ยวพึงคบมิตร พื้นที่กันดารอย่าหยุดทัพ พื้นที่โอบล้อมใช้กลยุทธ์ พื้นที่มรณะต้องสู้ตาย

เส้นทางบางสายไม่ผ่าน กองทัพบางกองไม่ดี หัวเมืองบางเมืองไม่บุก ชัยภูมิบางแห่งไม่ชิง โองการบางอย่างไม่รับ

ฉะนั้น แม่ทัพผู้แจ้งในประโยชน์แห่งเก้าลักษณะ จึงเป็นผู้รู้การศึก แม่ทัพผู้ไม่แจ้งผลแห่งเก้าลักษณะ แม้จะรู้ภูมิประเทศ ก็จักมิได้ประโยชน์จากพื้นที่ การบัญชาทัพมิรู้กลวิธีแห่งเก้าลักษณะ แม้จะแจ้งในผลดีทั้งห้าก็นำทัพมิได้

เหตุนี้ การคิดคำนึงของผู้ฉลาด จึงใคร่ครวญทั้งผลดีผลเสีย ใคร่ครวญผลดี จักทำให้เชื่อมั่นในภารกิจ ใคร่ครวญผลเสีย จักปัดเป่าอันตรายให้หายสูญ