Thursday, January 26, 2017

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๖ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๖ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม
เมื่อศัตรูปั่นป่วน มิรู้เหนือใต้ ดุจจมในปลักพึงชิงเอาชัยด้วยศัตรูอับจน

 กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ตามคำอธิบายของ คัมภีร์อี้จิง ปั่นป่วนคำว่า ดุจจมปลักก็คือตกอยู่ในภาวะที่รวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน แต่ขยับตัวหรือกระจายแนวออกต่อตีมิได้มีอันตราย ที่จะพังพินาศได้ทุกเวลา ประดุจฝูงสัตว์ที่ขาดหัวหน้า มิมีการบัญชาที่ถูกต้อง ก็จักต้องพ่ายแพ้ ไม่ช้าก็เร็ว หรืออีกนัยหนึ่ง ในระหว่างสงครามหรือการสัประยุทธ์ใด ๆ ก็ดี เมื่อการบัญชาการ ของข้าศึกสับสนอลหม่าน มิอาจวินิจฉัยหรือป้องกันได้อย่างถูกต้องทันท่วงที จนเกิดเหตุ อันไม่คาดฝันขึ้น พึงฉวยโอกาสที่ข้าศึกวุ่นวายไร้การควบคุม ทำลายเสีย ที่ว่า

Wednesday, January 18, 2017

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๕ ตีชิงตามไฟ

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๕ ตีชิงตามไฟ
เมื่อศัตรูมีภัยใหญ่หลวง ให้ฉกฉวยเอาประโยชน์ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อน

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อศัตรูอยู่ในภาวะวิกฤติ ควรฉวยโอกาสรุกรบโจมตีเพื่อให้ได้มา ซึ่งชัยชนะ หรือให้ผู้เข้มแข็งออกโรงเข้าแทรกแซงให้ผู้อ่อนกว่ายอมสยบด้วยนี้ก็คือที่เรียกว่า ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อนความหมายเดิมของ ตีชิงตามไฟคือ ในขณะที่ผู้อื่นถูกเพลิง เผาผลาญห่วงแต่ตัวเอง ไม่ว่างกับเรื่องอื่น ก็ฉวยโอกาสแย่งชิงเอาของของผู้นั้นมาหรือ ในขณะที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายหรือในความยากลำบาก ก็รุกล้ำเอาผลประโยชน์ของผู้นั้นมา เมื่อนำมาใช้ในการทหาร ก็คือสิ่งที่ตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู ว่าด้วยอุบายกล่าวไว้ว่า

Saturday, January 14, 2017

ซุนกวน : อ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักใช้คน

"ซุนกวน" ประมุขแห่งง่อก๊ก เป็นผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาก๊กทั้งสาม (น้อยกว่าโจโฉ 26 ปี และน้อยกว่าเล่าปี่ 20 ปี) ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าซุนกวนไม่ได้สร้างก๊กขึ้นมาเองเหมือนโจโฉและเล่าปี่ เพราะรับสืบทอดต่อมาจากพี่ชาย (ซุนเซ็ก) ที่ถูกลอบสังหาร

แต่ถึงกระนั้นสุภาษิตที่ว่า "สร้างว่ายากแล้ว รักษาไว้ยิ่งยากกว่า" ย่อมเหมาะสมที่สุดสำหรับซุนกวน เพราะต้องแบกรับความกดดันจากวีรกรรมที่พ่อ (ซุนเกี๋ยน) และพี่ชาย (ซุนเซ็ก) ได้สร้างไว้ เนื่องจากซุนเกี๋ยนเมื่ออายุ 19 ปี ก็ได้สมญาว่าพยัคฆ์แดนใต้ ส่วนซุนเซ็กเมื่ออายุ 26 ปี ก็ครองความยิ่งใหญ่ ตั้งตนเป็นอ๋องแห่งกังตั๋งได้สำเร็จ ความกดดันจึงตกมาที่ซุนกวน กล่าวคือทำดีก็เสมอตัว ทำชั่วก็โดนครหา

เล่าปี่ : ต่ำต้อยใช่จะต้องต้อยต่ำ

"เล่าปี่" ผู้สืบเชื้อสายจาก "ตงสานเชงอ๋อง" มีศักดิ์เป็นอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่ด้วยชะตากรรมทำให้ต้องตกยากกลายมาเป็นคนทอเสื่อขาย ซึ่งคำว่า "คนทอเสื่อขาย" นี้เองที่ถูกผู้อื่นนำมาดูหมิ่นเหยียดหยามนานา ว่าเป็นแค่ผู้ดีตกยากแล้วจะเป็นใหญ่ได้อย่างไร

เล่าปี่ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับกวนอูและเตียวหุย โดยเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นน้องรอง ส่วนเตียวหุยเป็นน้องเล็ก ตัวเล่าปี่เองมีภรรยาสองคน คือนางกำฮูหยินและนางบิฮูหยิน ที่ปรึกษาส่วนตัวในช่วงเริ่มตั้งตัวของเล่าปี่ประกอบด้วยซุนเขียน บิต๊ก (พี่ชายของนางบิฮูหยิน) และกันหยง โดยทั้งหมดล้วนเป็นคนใกล้ชิดและเครือญาติของเล่าปี่เองทั้งสิ้น หรืออาจจะกล่าวได้ว่ากิจการของเล่าปี่นั้นเป็นธุริกิจแบบครอบครัว 100% มีน้องชายสองคนเป็นคนช่วยบริหาร มีพี่ชายของภรรยาและญาติเป็นคนช่วยดูแลจัดการกองทัพ

โจโฉ : ใจถึงก็ไปถึง

โจโฉในสามก๊ก (ละครโทรทัศน์ 1994) แสดงโดยเปากั๊วอัน
(ที่มา : http://www.oknation.net/blog/index.php)
"โจโฉ" เป็นตัวละครที่หลอกว้านจงตั้งใจแต่งขึ้นมาเพื่อบ่งบอกถึงบุคคลที่มีนิสัยใจ คอโหดเหี้ยม ฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์เจ้าเหลี่ยม ใจกล้า เด็ดขาด รอบคอบและมีความสามารถในเชิงพิชัยสงครามรอบด้าน แต่ในอีกด้านหนึ่งหลอกว้านจงก็รังสรรค์ให้ตัวละครนี้มีอารมณ์ศิลปินและกวี รวมถึงการเป็นนักปกครองที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าถ้าสามก๊กขาดโจโฉไปสักคน ก็เหมือนต้มยำที่ไม่ใส่พริก ขาดรสชาติและความจัดจ้านไปอย่างสิ้นเชิง

Friday, January 13, 2017

10 อันดับยอดขุนศึกในยุค สามก๊ก

10.แฮหัวตุ้น - วุยก๊ก
แฮหัวตุ้น (อังกฤษ: Xiahou Dun; จีนตัวเต็ม: 夏侯惇; จีนตัวย่อ: 夏侯惇; พินอิน: Xiàhóu Dūn; เวด-ไจลส์: Hsiahou Tun) เป็นนายพลภายใต้ทัพวุยก๊กของโจโฉในยุคสามก๊กในประวัติศาสตร์จีน แฮหัวตุ้นยังเป็นญาติกับโจโฉโดยแต่เดิมโจโฉนามสกุล "แฮหัว" แต่ได้เปลี่ยนตามพ่อบุญธรรมเป็นสามสกุล "โจ" แฮหัวตุ้นเป็นแม่ทัพมือขวาและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องที่โจโฉให้ความไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง และเขาก็เป็นคนที่อยู่กับโจโฉมาตั้งแรกเริ่มที่โจโฉเริ่มก่อการจวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งเขาได้โจโฉขยายอำนาจในการต่อสู้กับ เล่าปี่ ซุนกวน และ ลิโป้

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 3 ยุทธศาสตร์การรบรุก

อันหลักการทำศึกนั้น บ้านเมืองสมบูรณ์เป็นเอก บ้านเมืองบอบซ้ำเป็นรอง กองทัพสมบูรณ์เป็นเอก กองทัพบอบซ้ำเป็นรอง กองพลสมบูรณ์เป็นเอก กองพลบอบซ้ำเป็นรอง กองร้อยสมบูรณ์เป็นเอก กองร้อยบอบซ้ำเป็นรอง เหตุนี้ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ยังหาใช้ความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยมไม่ มิต้องรบแต่สยบทัพข้าศึกได้ จึงจะเป็นความยอดเยี่ยมในความยอดเยี่ยม

ฉะนั้น การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยอุบาย รองมาคือชนะด้วยการทูต รองมาคือชนะด้วยการรบ เลวสุดคือการตีเมืองเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะการสร้างรถโล่ การเตรียมยุทโธปกรณ์ สามเดือนจึงแล้วเสร็จ การถมเนินเข้าตีเมือง ต้องอีกสามเดือนจึงลุล่วง แม่ทัพจักกลั่นโทสะมิได้ ทุ่มทหารเข้าตีดุจจอมปลวก ต้องล้มตายหนึ่งในสาม แต่เมืองก็มิแตก นี้คือความวิบัติจากการตีเมือง

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 2 การทำศึก

อันหลักแห่งการบัญชาทัพนั้น ต้องใช้รถเร็วพันคัน รถหุ้มหนังพันคัน พลรบสิบหมื่น ขนเสบียงพันลี้ ค่าใช้จ่ายในและนอกประเทศ ค่าใช้จ่ายการทูต ค่าซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ค่ารถรบเสื้อเกราะ ต้องสิ้นเปลืองวันละพันตำลึงทองดังนี้ จึงจะเคลื่อนพลสิบหมื่นออกรบได้

เมื่อรบพึงชนะเร็ว ยืดเยื้อกำลังก็เปลี้ยขวัญทหารก็เสีย ตีเมืองจักไร้พลัง ทำศึกนอกประเทศนาน ในประเทศจักขาดแคลน เมื่อกำลังเปลี้ยขวัญทหารเสีย สูญสิ้นทั้งไพร่พลและเศรษฐกิจ เจ้าครองแคว้นอื่น จักฉวยจุดอ่อนเข้าบุกรุก แม้จะมีผู้เยื่ยมด้วยสติปัญญาก็สุดจะแก้ไขให้กลายดี

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ 1 ประมาณสถานการณ์

อันสงครามนั้น เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เป็นแหล่งแห่งความเป็นความตาย เป็นเหตุแห่งการดำรงอยู่หรือดับสูญ จักไม่พินิจ พิเคราะห์มิได้ ฉะนั้น พึงวิเคราะห์จากห้าเรื่อง นำมาเปรียบเทียบเพื่อประเมิน ให้ถ่องแท้ในสภานะการณ์หนึ่งคือคุณธรรม สองคือลมฟ้าอากาศ สามคือภูมิประเทศ สี่คือแม่ทัพ ห้าคือกฎระเบียบ

ที่ว่าคุณธรรมคือ สิ่งที่ทำให้ทวยราษฎร์และเบื้องบนมีเจตนารมณ์ร่วมกัน ร่วมเป็นก็ได้ ร่วมตายก็ได้ ทวยราษฎร์มิหวั่นอันตราย


ที่ว่าล้มฟ้า ก็คือ สว่างหรือมืด หนาวหรือร้อน ฤดูนี้หรือฤดูนั้น ที่ว่าภูมิประเทศ ก็คือ สูงหรือต่ำ ใกล้หรือไกล คับขันหรือราบเรียบ กว้างหรือแคบ เป็นหรือตาย ที่ว่าแม่ทัพ ก็คือ สติปัญญา ศรัทธา เมตตา กล้าหาญ เข้มงวด ที่ว่ากฎระเบียบ ก็คือ ระบบจัดกำลัง ระบบยศตำแหน่ง ระบบพลาธิการ

ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู 13 บท

ซุนวู (จีนตัวย่อ: 孙武; จีนตัวเต็ม: 孫武; พินอิน: Sūn Wǔ; ซุนอู่) หรือ ซุนจื่อ (จีนตัวย่อ: 孙子; จีนตัวเต็ม: 孫子; พินอิน: Sūn Zǐ; เวด-ไจลส์:Sun Tzu, แปลว่า "ปราชญ์แซ่ซุน") เป็นผู้เขียนตำราพิชัยสงครามของซุนวู (ซุนจื่อปิงฝ่า - 孙子兵法) ที่นับว่าเป็นตำรายุทธศาสตร์ทางทหาร ที่มีอิทธิพลมากของประเทศจีน ปัจจุบันยุทธศาสตร์ในตำราได้ถูกประยุกต์ ใช้อย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจและการเมือง หลักการที่สำคัญเช่น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง มิพ่าย

Thursday, January 12, 2017

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๔ รอซ้ำยามเปลี้ย

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๔ รอซ้ำยามเปลี้ย

จักให้ศัตรูลำบาก มิรบด้วย แกร่งเสียอ่อนได้

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อประสงค์จักทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะลำบากไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีรบแต่ฝ่ายเดียว อาจจะใช้วิธี แกร่งเสียอ่อนได้ตามที่กล่าวไว้ใน คัมภีร์อี้จิง สูญเสีย เพื่อให้ได้รับชัยชนะก็ได้

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธที่ ๓ ยืมดาบข้าคน

ศัตรูชัด มิตรลังเล ชักจูงมิตรสังหารศัตรู
มิใช้กำลังตน เลี่ยงความสูญเสีย

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อศัตรูปรากฏแน่ชัด แต่มิตรยังลังเล สิ่งที่พึงกระทำก็คือล่อให้พันธมิตรออกไปปะทะศัตรู นี่เป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่ใช้ความขัดแย้ง ยืมกำลังของตนอื่นไปทำลายศัตรู เพื่อรักษากำลังของตนเองไว้ แต่การยืมเช่นนี้จะต้องให้แนบเนียน มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจทำลายศัตรูได้

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๒ ล้อมเว่ยช่วยเจ้า

ส่วนที่ ๑ 
กลยุทธชนะศึก 

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า 

ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป 
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ 
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๒ ล้อมเว่ยช่วยเจ้า  ศัตรูรวมมิสู้ศัตรูแยก ศัตรูแจ้งมิสู้ศัตรูมืด

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อข้าศึกรวมศูนย์กำลังพลไว้ ควรจะใช้กลอุบายดึงแยกข้าศึกออกไป ทำให้กำลังพลกระจัดกระจาย ห่วงหน้าพะวงหลังครั้นแล้วจึงเข้าโจมตี นี้ก็คือ ศัตรูรวมมิสู้ศัตรูแยกและตำราพิชัยสงครามในสมัยโบราณ ขนานนามยุทธศาสตร์การส่งทหารเข้าบุกข้าศึกก่อนเป็น ศัตรูแจ้งส่วนยุทธศาสตร์กำราบข้าศึกทีหลังเป็น ศัตรูมืดภายใต้สภาพการณ์ที่แน่นอน การบุกข้าศึกทีหลัง ได้เปรียบกว่าการส่งทหารเข้าบุกก่อน

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๑ ปิดฟ้าข้ามทะเล

ส่วนที่ ๑

กลยุทธชนะศึก
เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุดฃ

กลยุทธ์ที่ ๑ ปิดฟ้าข้ามทะเล เมื่อเตรียมพร้อมก็ประมาท เมื่อเห็นบ่อยก็มิสงสัย มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่าง สว่าง มืด

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า สิ่งที่ตนคิดว่าได้ตระเตรียมไว้อย่างพร้อมมูลแล้ว มักจะมึนชาและประมาทศัตรูได้ง่าย สิ่งที่พบเห็นอยู่เสมอในยามปกติก็ไม่เกิดความสงสัยอีกต่อไป


ที่ว่า มืดอยู่ในสว่าง ไม่อยู่ตรงข้ามสว่างก็คือในอุบายแจ้งมีอุบายลับอุบายลับจะปรากฏเป็นจริงขึ้นในอุบายแจ้งนั่นเอง สว่างคือเปิดเผย แจ้งชัด มืดคือแฝงเร้น ปกปิด

๓๖ กลยุทธ์ : ตำราพิชัยสงครามแห่งชัยชนะ

36 กลยุทธ์ ของซุนวู “พื้นฐานต้องดี ไม่งั้นฝึกร้อยปี อยู่กับที่”

กลยุทธ์ชนะศึก

ยามเมื่อเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

Wednesday, January 11, 2017

10 อันดับกุนซือที่เก่งที่สุดในยุค สามก๊ก !!!

10.โลซก - ง่อก๊ก

 
ลซก (อังกฤษ: Lu Su; จีนตัวเต็ม: 魯肅; จีนตัวย่อ: 鲁肃) เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก

เสนาธิการของง่อก๊ก มีชื่อรองว่า จื้อจิง (จีน:子敬 ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อซุนกวนส่งตัวไปเกงจิ๋วเพื่อคาราวะศพเล่าเปียวที่เพิ่งเสียชีวิตไม่นาน ขณะนั้นเล่าปี่กำลังลำบากเนื่องจากหาเมืองอาศัยไม่ได้ เพราะถูกรุกรานอย่างหนักจากโจโฉ


ขงเบ้งจึงว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ความช่วยเหลือจากซุนกวน โดยจะชักชวนซุนกวนให้ร่วมรบกับโจโฉ อันเป็นที่มาของศึกเซ็กเพ็กอันลือลั่น


โลซกเกิดในปี พ.ศ. 715 ในครอบครัวเศรษฐีทำการค้าขาย ที่อพยพลงมายังกังตั๋ง ได้รู้จักกับทางฝ่ายง่อก๊ก เมื่อจิวยี่และซุนเซ็กต้องการตั้งตัว จิวยี่ได้ไปขอยืมเสบียงและทุนทรัพย์จากโลซก โลซกก็ยกให้มากกว่าที่จิวยี่คาดเสียอีก

โลซก เป็นคนซื่อสัตย์ บุคคลิกเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นคนมีปัญญา