Thursday, January 26, 2017

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๖ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๖ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม
เมื่อศัตรูปั่นป่วน มิรู้เหนือใต้ ดุจจมในปลักพึงชิงเอาชัยด้วยศัตรูอับจน

 กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ตามคำอธิบายของ คัมภีร์อี้จิง ปั่นป่วนคำว่า ดุจจมปลักก็คือตกอยู่ในภาวะที่รวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน แต่ขยับตัวหรือกระจายแนวออกต่อตีมิได้มีอันตราย ที่จะพังพินาศได้ทุกเวลา ประดุจฝูงสัตว์ที่ขาดหัวหน้า มิมีการบัญชาที่ถูกต้อง ก็จักต้องพ่ายแพ้ ไม่ช้าก็เร็ว หรืออีกนัยหนึ่ง ในระหว่างสงครามหรือการสัประยุทธ์ใด ๆ ก็ดี เมื่อการบัญชาการ ของข้าศึกสับสนอลหม่าน มิอาจวินิจฉัยหรือป้องกันได้อย่างถูกต้องทันท่วงที จนเกิดเหตุ อันไม่คาดฝันขึ้น พึงฉวยโอกาสที่ข้าศึกวุ่นวายไร้การควบคุม ทำลายเสีย ที่ว่า

ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมยังหมายถึงกลอุบายที่เห็นอยู่ทางตะวันออกหยก ๆ แต่กลับวกไปอยู่ทางตะวันตก ส่งเสียงทางนี้ แต่ตีทางโน้นทำทีถอยแต่กลับบุกทำทีรุกแต่กลับถอย ลวงล่อข้าศึกอย่างแนบเนียน ทำให้ข้าศึกเกิดความเข้าใจผิด แล้วฉวยโอกาสเข้าพิชิตเอาชัยแก่ข้าศึกอย่างหนึ่ง กลยุทธ์นี้มีอยู่ในตำราพิชัยสงครามหลายเล่มด้วยกัน เช่น ซุน วู ว่าด้วยภูมิประเทศ” “ยุทธวิธีร้อยแปด ว่าด้วยสงครามเสียง
ไหวหนานจื่อ การฝึกยุทธวิธีเป็นต้น ในเล่มหลังนี้กล่าวว่า ดังนั้น มรรควิธีแห่งการใช้ทหาร แสดงให้เห็นว่าอ่อนแต่ปะทะด้วยแข็ง แสดงให้เห็นว่าเปราะแต่ปะทะด้วยแกร่ง เมื่อจะรวบพึงกระจาย เมื่อจักไปประจิม ควรทำทีไปบูรพา...หรือ คัมภีร์ทั่วไป ว่าด้วยการศึกหมายเลขหก
ของตู้อิ้ว ก็กล่าวไว้ว่า ส่งเสียงว่าตีทางบูรพา แต่ที่แท้ตีทางประจิม

ตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์นี้คือ เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ของสหรัฐอเมริกา ดังที่ได้มีการศึกษา กันอย่างกว้างขวางกันในมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของจีนในสมัยที่ผู้เขียนได้เข้าศึกษา หลักสูตรป้องกันประเทศของจีน จนกระทั่งผู้เขียนได้ทำการวิจัยพร้อมกับแสดงหลักฐานอย่างแน่ชัด ถึงการสร้างสถานการณ์ของสหรัฐฯ เองมาโดยตลอดพร้อมกันนั้นผู้เขียนได้ใช้หลักการตาม ตำราพิชัยสงคราม ซุน วู อธิบายขั้นตอนในการวางแผนของสหรัฐฯ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จนสามารถสรุปออกมาได้ว่าเหตุการณ์ ๑๑ กันยายนฯ เป็นเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้น อันเป็นที่แน่นอนแล้ว จนกระทั่งได้มีการถกแถลงกันอย่างกว้างขวางและในที่สุดเอกสารวิจัย ดังกล่าวของผู้เขียนได้รับคัดเลือกให้เป็นเอกสารวิจัยดีเด่นของมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของจีน

ในปี ๒๕๔๕- ๒๕๔๖ ซึ่งผู้อ่านสามารถหาอ่านได้ทั้งในอินเตอร์เนตและในหนังสือตามท้องตลาด ซึ่งจะมีการวางขายในเร็ววันนี้ ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ( ซึ่งหาอ่านได้ในเวบ http://ARTAMART.FreeWeb-Hosting.com )


โดยได้กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินกลยุทธ์ตามตำราพิชัยสงคราม ซุน วู ไว้ต้อนหนึ่งดังนี้

“....การดำเนินกลยุทธ ซุน วู กล่าวว่า “ .......การทำสงครามทั้งปวงย่อมอยู่บนพื้นฐานของการลวง...ในทันทีที่ เหตุการณ์ ๑๑ กันยายนได้ถูกสร้างขึ้นประชาคมโลกต่างตกตลึงต่อเหตุการณ์ ในช่วงที่ประชาคมโลกต่างตกตลึงอยู่นั้นสหรัฐอเมริกาได้ฉวยโอกาสปล่อยแผนลวงซึ่งได้มีการวางแผนไว้อย่างดีล่วงหน้าแล้วออกมาคือ สงครามต่อต้านการก่อการร้ายและ
สงครามถล่มอัฟกานิสถานหลังจากนั้นทุกประเทศในโลกก็ต้องปฏิบัติตามบงการของสหรัฐฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทันทีทันใด ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการเป็นขั้น ๆ โดยการใช้แผนลวงนี้อย่างไร และหลักฐานจะเป็นเครื่องสร้างความเข้าใจให้กับชาวโลกว่า เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน เป็นเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ
ได้สร้างขึ้นเป็นแผนที่ลวงคนทั้งโลก ตามหลักการในตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู ที่ได้กล่าวไว้แล้ว ซึ่งหลักฐานที่จะนำมาแสดงเป็นตัวอย่างดังนี้

                ๑) เวลา ๐๘.๔๕ ปรากฏภาพข่าวเครื่องบินของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ ๑๑ ลำแรก
พุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ทางด้านเหนือ ข้อพิจารณา ผู้ถ่ายภาพข่าวดังกล่าวทราบได้อย่างไรว่าจะมีเครื่องบินมาชนตึก โดยรอคอย ถ่ายภาพข่าวไว้ล่วงหน้า ตำแหน่งดังกล่าวเป็นสี่แยกซึ่งไม่มีภาพทิวทัศน์ที่สวยงามให้บันทึก แต่เป็นทางแยกที่สามารถมองเห็นตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในระยะไกลได้ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องทางแยกที่สามารถเห็นเครื่องบินบินผ่านเข้ามาพุ่งชน ลักษณะภาพดังกล่าว ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวงการสืบราชการลับจะทราบว่า นี่คือการถ่ายภาพ VDO ประกอบรายงาน เพื่อนำเสนอผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของตน ซึ่งจะเห็นได้ว่าการถ่ายภาพเครื่องบินลำแรกที่พุ่งชนนั้น เริ่มตั้งแต่ยังไม่บินไปชนตึกจนกระทั่งชนตึก และซูมภาพระยะใกล้ให้เห็นการระเบิด เมื่อเครื่องบินกระทบเป้าหมาย ซึ่งมุมกล้องตำแหน่งถ่ายทำ และภาพที่ออกมาไม่ใช่ลักษณะ การถ่ายทำของนักท่องเที่ยว หรือนักข่าวสถานีโทรทัศน์โดยสิ้นเชิง
                ๒) เครื่องบิน F-16 ขึ้นถ่ายภาพความเสียหายตึกทิศเหนือ ก่อนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ตึกทิศใต้จะถูกชน
 ( รายงานภาพข่าว สถานีโทรทัศน์ ฝรั่งเศส) ๐๘.๕๒ ได้ปรากฏภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์ ฝรั่งเศส ซึ่งได้เสนอเหตุการณ์สดที่เกิดขึ้น ณ ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศเหนือ ขณะที่ภาพกำลังจับอยู่ที่แสงเพลิงและความเสียหาย จากการพุ่งชนของเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตอยู่นั้น ได้ปรากฏว่ามีเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ บินขึ้นเหนือตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศเหนือ โดยบินรอบตึกในระยะต่ำจนสามารถเห็นนักบิน เป็นลักษณะของการตรวจสถานการณ์และถ่ายภาพ หลังจากนั้นเครื่องบิน F-16 ได้บินหายไปก่อน ที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ตลำที่สองจะพุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรดด้านใต้ในเวลา ๐๙.๓๐ ตอนเช้า
                ๓) เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ บินเข้าไปยังบริเวณตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ก่อนที่ตึกทางด้านใต้จะถูกถล่ม ( รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศส) ๐๘.๕๔ เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ เครื่องหนึ่งได้บินเข้าไปวนอยู่ บริเวณตึกทางเหนือที่ถูกถล่มโดยเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๓ แล้ว ที่จริงแล้วถ้าเครื่องบินใด ๆ ก็ตามของสหรัฐฯ ที่สามารถบินขึ้นได้ ก็สามารถที่จะเข้าไปช่วยผู้ที่ติดอยู่ในตึกได้ แต่ไม่มีเครื่องบินใด ๆ เข้าไปช่วยทั้ง ๆ ที่สามารถ จะช่วยได้ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าเป็นความจงใจของสหรัฐฯ เองที่ต้องการจะให้ชาวอเมริกัน และชาวโลกได้เห็นภาพที่อเนจอนาถก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาเพื่อหวังผลทางจิตวิทยา ให้คนอเมริกันโกรธแค้น ให้ชาวโลกเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารสมจริงสมจัง และผลก็เป็นไป อย่างที่ผู้สร้างเหตุการณ์วางแผนเอาไว้คือได้รับความเห็นใจจากประชาคมโลกอย่างท่วมท้น และสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอเมริกันเป็นอย่างยิ่ง
                ๔) โครงสร้างของตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเครื่องบินพุ่งชนโดยเฉพาะ นายจอห์น แมกนัสสัน วิศวกรด้านการก่อสร้างจากบริษัทสตีลลิ่ง วอร์คแมคสัสสัน บาไซร์ แถลงว่าตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเครื่องบินพุ่งชน ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นกับตึกเอมไพร์เสตทที่เคยถูกเครื่องบิน B-25 พุ่งเข้าชนในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ http://en.wikipedia.org/wiki/Empire_State_Building#History มาแล้วทำให้วิศวกรได้ออกแบบเพื่อป้องกันหากมีกรณีการพุ่งชนของเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว กรณีนี้ตึกจะไม่ยุบตัวลงมาได้เลยหากผู้ก่อวินาศกรรมไม่มีข้อมูล จุดอ่อนที่สุดของตึก ซึ่งเก็บไว้เป็นความลับ การได้มาของความลับโครงสร้างจุดทำลายของตึก คณะผู้ปลดปล่อย ( Crusader ) ซื้อจากบุคคลคณะทำงาน พิจารณาวิเคราะห์โครงสร้าง แบบของตึกทั้งสองตึก เพื่อค้นหาจุดอ่อนและบกพร่องเพื่อวางแผนป้องกันโครงสร้างดังกล่าว ถูกนำออกมาจากแหล่งเก็บข้อมูลได้เนื่องจากกรณีตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกวางระเบิดเมื่อปี ๒๕๓๖
                ๕) ความขัดแย้งของภาพการชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศใต้ ๐๙.๐๓ ภายหลังเครื่องบิน F-16 ได้ละจากพื้นที่ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์แล้ว เครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ ๑๗๕ ได้พุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านใต้ผลที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกด้านใต้นี้ การนำเสนอในครั้งแรกนั้นเป็นภาพ ที่เกิดขึ้นขณะนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ขัดแย้งกับข้อความในรายงานของ NSA และ FBI รวมทั้ง CIA ซึ่งรายงานต่อประธานาธิบดีในจุดของการชนว่าเป็นชั้นที่เท่าใด ตำแหน่งใด กี่องศาจึงมีการแก้ไขภาพข่าวใหม่โดยสร้างเป็น Visual แสดงให้เห็นการชนของเครื่องบิน ที่บินเอียงเล็กน้อยก่อนเข้าชนตึก มิใช่บินชนในแนวระนาบ ดังนั้นบ่ายของวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ สถานีโทรทัศน์ทั่วโลกทุกช่องจึงได้รับสัญญาณภาพข่าวจาก CNN ซึ่งเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วย Visual Program พร้อมนั้นได้มีการสร้างเสริมต่อเติมภาพ VDO ข่าวตามต้องการให้น่าตื่นเต้น อีกหลายสถานี เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบินได้แถลงว่า ตามภาพที่เห็นว่าเครื่องบิน มีลักษณะเอียงเช่นนั้น เมื่อพุ่งเข้าชนจะทะลุไปเป็นมุม ๔๕ องศา แต่ตามความเป็นจริงภาพที่เห็นก่อนหน้านั้นเครื่องบินได้ทะลุตึกไปเป็นมุม ๑๘๐ องศา แสดงว่าเครื่องบินชนตึกในแนวระนาบ ไม่ได้หักเลี้ยวทำมุมตามภาพ จึงเชื่อได้ว่าภาพที่แสดงการเลี้ยวของเครื่องบินก่อนพุ่งเข้าชนนั้น สร้างภาพขึ้นภายหลัง โดยผู้ไม่มีความเข้าใจเรื่องวิศวกรรมการบินพอ
                                ๑) เหตุผลการบินอ้อมของเครื่องบินลำที่ ๒ ก่อนพุ่งชนตึกด้านทิศใต้ นายโทนี่ เจย์ อาร์มสตรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้าง ที่ปรึกษาของ FBI ได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะที่ปรึกษาฯ ว่า สาเหตุที่เครื่องบินโบอิ้งของบริษัทยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ซึ่งขึ้นจากสนามบินโลแกนเมืองบอสตัน บินอ้อมไปหลายรัฐก่อนพุ่งเข้าชนตึกด้านใต้นั้น ตามความเห็นของเขาเห็นว่ามีความเป็นไปได้สถานเดียวคือ การถ่วงเวลาให้เกิดค่าสมดุลเพื่อรอเวลาให้ตึกด้านเหนือซึ่งถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงที่ลุกจากน้ำมันเครื่องบิน จะมีความร้อนสูงกว่า ๑๐๐๐ องศา C โครงสร้างเหล็กภายในจะหลอมละลายเหมือนพลาสติกถูกไฟลนและอ่อนตัว ซึ่งจะใช้เวลาระยะหนึ่งที่ต้องไม่น้อยกว่า ๑๕ นาที ความเชี่ยวชาญและข้อมูลของผู้ก่อวินาศกรรม นับว่ากว้างขวางมาก จะเห็นได้จากการชนตึกด้านใต้นั้น เครื่องบินจะชนตรงรอยต่อ ซึ่งเป็นจุดเปราะบางที่สุด และเป็นความลับที่สุดบุคคลภายนอกจะไม่มีทางล่วงรู้ได้เลย การชนตึกด้านใต้ตรงจุดเปราะบางและอ่อนไหวที่สุดของตึกเช่นนั้น ก็เพื่อให้ตึกขาดความสมดุล จะเห็นว่าเป็นการชนด้านข้างเพื่อให้โครงสร้างของตึกตรงนั้นขาดออกจากกัน และเกิดการเอียง เพราะขาดสมดุลไม่ใช่ชนลักษณะปกติ การชนระยะมุมกระทบ ตำแหน่ง ถูกต้องตรงจุด ได้องศา แม่นยำเหมือนกับการลากด้วยปากกาแสง ( Light Pen ) บนจอเรดาร์ เมื่อเกิดการหักที่มุมตึก ด้านทิศใต้จากการชนเช่นนั้น จึงเป็นการทำลายจุดสมดุลที่สำคัญของตึกที่จะทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งทำให้ตึกใต้ยุบตัวลงมาอย่างรวดเร็วเพราะขาดจุดสมดุลของโครงสร้างและยุบตัวลงมา อย่างรวดเร็วก่อนตึกด้านทิศเหนือ ซึ่งขณะนั้นเหล็กได้หลอมละลายได้ที่แล้ว และไม่สามารถ รับน้ำหนักของตึกชั้นบนประมาณ ๒๐ ชั้น ซึ่งมีน้ำหนักโดยรวมเฉลี่ย ๕๐,๐๐๐ ตันไว้ได้

                ตึกด้านทิศเหนือได้รับแรงสะท้อนจากการยุบตัวของตึกด้านใต้ จึงทำให้ตึกเหนือยุบตัวตามลงมา และชั้นต่าง ๆ ที่เหลือด้านล่างก็ไม่สามารถรับน้ำหนักของตัวอาคารจึงยุบลงทั้งหมดในลักษณะ แนวดิ่งดังที่ปรากฏ ผู้ที่วางแผนวินาศกรรมนี้จะต้องเป็นนักวิศวกรรมชั้นเยี่ยม และต้องมี คณะนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักฟิสิกส์จึงสามารถคำนวณระยะเวลา ความร้อน น้ำหนัก โครงสร้าง จุดเปราะของตึก และองศาที่เครื่องจะเข้าชนได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการพุ่งเข้าชนด้วย ความแม่นยำเช่นนั้นทั้งสองตึก ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้โดยนักบิน น่าจะเป็นการบังคับด้วยเครื่องมือ หรือเทคโนโลยีพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่า ขบวนการก่อการร้ายจะมีความสามารถทำได้ หากไม่มีข้อมูลลับ และคณะทำงานที่มีความรอบรู้อย่างเชี่ยวชาญตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ทั้ง ๒ ตึกดังกล่าวนี้ เป็นที่ตั้งบริษัท องค์กรธุรกิจการเงินระดับประเทศ รวมทั้งสิ้น ๘๐ ประเทศ ผลของการก่อวินาศกรรมดังกล่าวนั้น ทำให้ขบวนการก่อวินาศกรรมมีศัตรูเพิ่มขึ้นทันที ๘๐ ชาติทั่วโลก

                ๖). Description: http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gifDescription: http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gif
                ๗). Description: http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gifDescription: http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gif

                ๘) มันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิงที่ผู้ก่อการร้ายจะมีความจงใจสร้างศัตรูให้เกิดขึ้นจาก เหตุการณ์ ๑๑ กันยายนเพราะว่าประชาชนที่เสียชีวิตอันเนื่องจากการถล่มตึกในครั้งนี้เป็น นักธุรกิจจากทั้งหมดกว่า ๘๐ ประเทศทั่วโลก มันหมายความว่า บิน ลาเดน สร้างศัตรูขึ้น ในคราวเดียวกันถึง กว่า ๘๐ ประเทศ

                ๙) การชนตึกเพนตากอนกับงบประมาณทางทหาร โครงการระบบป้องกันขีปนาวุธ ( MMD ) เป็นโครงการตั้งขีปนาวุธเพื่อป้องกันสหรัฐฯ ในทุกภูมิภาคของโลกและถือเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช ได้ทำการรณรงค์เพื่อให้สหภาพยุโรปเห็นพ้องด้วย โดยพลเอก คอลิน เพาเวล เดินทาง ไปยังกลุ่มประเทศในเครือยุโรปแต่ได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงและมีแนวโน้มว่า จะไม่ได้รับผลสำเร็จตามที่ต้องการประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯ สภาคองเกรสมีแนวโน้มว่าจะตัดงบประมาณทางทหาร ในระยะเวลาอันใกล้ ย่อมหมายถึงการลดกำลังทหารและฐานทัพทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งฝ่ายที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสภาฯ เห็นควรว่าจะต้องนำงบประมาณ ส่วนใหญ่มามุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก่อน ลักษณะท่าทีดังกล่าวทำให้บริษัทผู้ผลิตส่วนประกอบชิ้นส่วน และเทคโนโลยีการทหารได้รับผลกระทบอย่างยิ่งไปด้วย

                แนวโน้มการตัดงบประมาณทางทหารและด้านการรักษาความปลอดภัยของประเทศ ได้กระจายไปยังนายทหารระดับสูงของเพนตากอนและผู้บัญชาการกองทัพรวมถึง ผู้อำนวยการสภาความมั่นแห่งชาติ NSA ซึ่งจะเข้าข่ายในการตัดลดงบประมาณทางทหาร ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการตัดลดงบประมาณด้านการข่าวกรอง CIA ซึ่งจะตัดก่อนงบประมาณอื่น ๆ
การนำเสนอตัดลดงบประมาณการทหารคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในเดือน พ.ย. ๒๕๔๔.
                
               ในวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๔ เวลา ๐๙.๔๐ เครื่องบินจัมโบ้เจ็ตของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ สามารถฝ่าด่านแนวป้องกันภัยทางอากาศ NORAD ของกองทัพสหรัฐฯ พุ่งชนตึกเพนตากอน ได้รับความเสียหายยับเยิน

                ๑๐) ยอดผู้เสียชีวิตจะต้องมีมากกว่าที่ปรากฏออกมาคืออย่างน้อยจะต้องมียอดผู้เสียชีวิต เป็นหลายแสนคนในสถานการณ์ปกติตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์จะมีผู้เข้าเยี่ยมชมสถานที่พร้อมกัน หรือในเวลาเดียวกันเป็นจำนวนหลายแสนคน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะไปเข้าคิวรอกันเพื่อเข้าเยี่ยมชม ตั้งแต่ ๐๖.๐๐ ในตอนเช้า แต่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจำนวนยอดผู้เสียชีวิตสุดท้ายจริง ๆ ของเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน มีเพียงแค่ ๒,๐๐๐ คนเศษเท่านั้นและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ ก็เป็นนักธุรกิจชาวมุสลิมที่มีสำนักงานอยู่บนตึกแห่งนั้น จึงสามารถที่จะประมาณเอา ได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

                ๑๑) จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ( พ.ย. ๒๕๔๔ ) ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดอย่างสมเหตุสมผลเลยว่า บิน ลาเดนและเครือข่ายผู้ก่อการร้ายของเขาเป็นผู้บงการและดำเนินการในการถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ แต่อย่างใดหลายเรื่องล้วนแล้วแต่คาดว่าโดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เป็นผู้ออกมาแถลงข่าวเท่านั้น

                ๑๒) ไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการใด ๆ ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบเตือนภัยทางอากาศ ของ NORAD ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนและทำไมจึงไม่ทำงานในระหว่างที่ผู้ก่อการร้ายโจมตี และด้วยความคลุมเครือของสถานการณ์สหรัฐ ฯ ก็ได้ดำเนินการตามแผนในการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นช่วงที่คนทั้งโลกกำลังงงงันอยู่

                ๑๓) ไม่มีรายงานใด ๆ จาก NSA , CIA ,FBI , NORAD ว่าทำไมจึงปล่อยให้เครื่องบินทั้งสี่ลำ ถูกผู้ก่อการร้ายจี้ได้และให้สามารถผ่านทะลุระบบป้องกันที่ว่าดีที่สุดในโลกเข้ามาได้ซึ่งเป็นเรื่อง ที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของนักการทหารและนักวิเคราะห์สถานการณ์โลก นอกจากการจงใจ ปล่อยให้เข้ามาของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพียงกรณีเดียวเท่านั้น

                ๑๔) ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงใด ๆ ที่จะสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบันทุก ที่ราดาร์ตรวจจับอยู่ตลอดเวลาจากทุกหอบังคับการบิน

                ๑๕) ไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการใด ๆ ในการที่จะสืบหาข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบในการควบคุมระบบดาวเทียมทหาร และระบบ GPS ว่าทำไมระบบที่อยู่ในการควบคุม จึงไม่มีข้อมูลในการแจ้งเตือนล่วงหน้าได้

                ๑๖) หน่วยงานจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ( FEMA Federal Emergency Management Agency ) ได้ถูกเรียกให้เข้าไปเตรียมพร้อม ณ กรุงนิวยอร์ก ก่อนเกิดเหตุการณ์วันที่ ๑๑ กันยายน คือได้ถูกเรียกไปเตรียมพร้อม ณ กรุงนิวยอร์ก ตั้งแต่เย็นวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ (๒๐๐๑) ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลกลางของ สหรัฐอเมริการู้เห็นเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดี และเป็นหลักฐานยืนยันถึงการที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างสถานการณ์ ๑๑ กันยายน ขึ้นมาเอง (www.whatreallyhappened.com)

๑๗) เหตุผลที่เลือกใช้เครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์และยูไนเตทแอร์ไลน์ ( สายงานข่าวจากดัลลัส เท็กซัส) วันที่ ๒ มิ.ย.๒๕๔๓ ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้ถูกนักแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลทั้งหมด วันที่ ๖ ก.ค. ๒๕๔๓ บริษัทสายการบินลีเจนด์แอร์ยื่นฟ้องต่อศาลเมืองดัลลัสว่า บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้เจาะ ( Hacker) เข้าไปในระบบข้อมูลของตนโดยในคำฟ้องของลีเจนด์แอร์ระบุว่า ไม่เชื่อว่าเกิดจากความบังเอิญแต่มั่นใจว่าอาจเป็นแผนทำลายทางธุรกิจเนื่องจากข้อมูลด้านเส้นทางการให้บริการแผนงานตั้งแต่ออกจากสนามบินเลิฟ ฟิลด์ ใกล้เมืองดัลลัสอันเป็นพื้นที่ของอเมริกันแอร์ไลน์พร้อมเรียกค่าเสียหายนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทสายการบินลีเจนด์ แอร์ เป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งจะเข้าสู่ตลาดได้ยังไม่ถึง ๓ เดือนเท่านั้น ส่วนบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ ๒ ของสหรัฐอเมริกาแต่ในระยะ ๑๐ เดือนที่ผ่านมานี้บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้ประสบปัญหาการขาดทุนมหาศาลจากการสไตรค์ของนักบินและพนักงาน ทั้งนี้ฝ่ายบริหารงานบริษัทมีแผน
ที่จะปลดพนักงานไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ คนภายในปีนี้ แต่ติดปัญหาการจ่ายเงินทดแทนจำนวนมหาศาลให้กับพนักงาน และเงินชดเชยเหตุผลในการปลดออกซึ่งยังไม่สามารถตกลงกันได้

การที่บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ถูกฟ้องนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในหุ้นของบริษัทต้องลดลงทำให้ฝ่ายบริหารของอเมริกันแอร์ไลน์ตัดสินใจฟ้องกลับ บริษัทสายการบินลีเจนด์ แอร์ เป็นจำเลยต่อศาลของเมืองดัลลัสเพื่อรักษาภาพพจน์ของบริษัทอย่างน้อยก็เพื่อรักษาราคาหุ้นไม่ให้ตกดิ่งไปกว่าเดิม โดยในคำฟ้องอเมริกันแอร์ไลน์ ได้อ้างถึงข้อสัญญาที่ลงนามร่วมกันระหว่างลีเจนด์แอร์ไลน์ ทั้งสองบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทนักสืบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาเป็นผู้ติดตามและหาหลักฐานจากระบบข้อมูลของแต่ละบริษัท เพื่อนำไปแสดงต่อศาลดัลลัส รัฐเท็กซัส

                ถ้าวิเคราะห์อย่างนักการทหารแล้วจะเห็นได้ว่า เป็นการลวงทางการสงครามที่ได้ผลที่สุดเนื่องจาก ไม่มีผู้ใดที่จะคิดสงสัยไปเป็นเรื่องอื่นนอกจากเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายเพียงสถานเดียวเท่านั้น และผลที่ออกมาจากการปฏิบัติตามแผนลวงก็บรรลุเป้าหมายอย่างสูงยิ่งทุกเป้าหมาย จึงวิเคราะห์ ตามหลักการในตำราพิชัยสงคราม ซุน วูที่กล่าวว่า “....ทุกกลยุทธเพื่อนำมาซึ่งชัยชนะในสงคราม อยู่บนพื้นฐานของการลวงทั้งสิ้น...) ( การใช้หลักการตามตำราพิชัยสงคราม ซุน วู อธิบายเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔และ สงครามต่อต้านการก่อการร้ายโดย พันโท โสภณ ศิริงาม )

                เมื่อสหรัฐฯ สร้างกรณี ๑๑ กันยายน เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่โลกกำลังตะลึง สหรัฐฯ รีบเร่งเข้าโจมตี เป้าหมายการยึดครองต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยการโจมตีอัฟกานิสถาน เพื่อที่จะมุ่งเข้าสร้างความปั่นป่วน ในมลฑลซินเกียงของจีน โดยอาศัยชื่อของบิน ลาเดน ดังมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ดังนี้
                “............กรณี ๑๑ กันยายน , สงครามถล่มอัฟกานิสถานและสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ในปี ๒๕๔๔ เป้าหมายหลักเป็นการมุ่งไปสู่การให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และเตรียมการ ที่จะทำสงครามอ่าวครั้งที่ ๒ โอซามา บิน ลาเดน เป็นสมาชิกคนสำคัญขององค์กร ซีไอเอ ที่ปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์ต่อ ซีไอเอ มาโดยตลอดและเป็นเวลานาน ในช่วงที่มีสงคราม อ่าวเปอร์เซียครั้งแรก บิน ลาเดน ทำงานเป็นนายหน้าขายอาวุธของบริษัทผลิตอาวุธสหรัฐฯ และอังกฤษให้กับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจนกระทั่งมีฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี เป็นธรรมดา ที่เมื่อทำงานให้ ซีไอเอ แล้วจะต้องถูกใช้งานเมื่อใช้งานไม่ได้ ซีไอเอ จะต้องกำจัดทิ้ง อย่างไม่มีความปราณี ( คนไทยที่ทำงานเพื่อซีไอเอ ในประเทศไทยในขณะนี้พึงสังวรณ์ เมื่อท่านหมดค่าแล้วท่านจะถูกฆ่าดังเช่น บิน ลาเดนและ ซัดดัม ) บิน ลาเดน ก็เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการสั่นคลอนราชบัลลังก์ของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ซีไอเอ จึงสั่งการให้ บิน ลาเดน ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ซาอุฯ เมื่อรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ล่วงรู้แผนการก่อน ( ซีไอเอ เป็นผู้ส่งข่าวให้ ) จึงจับกุม บิน ลาเดน แล้วจะลงโทษตามกฎหมายมุสลิมคือ การตัดอวัยวะของร่างกาย ซีไอเอ จึงร้องขอต่อรัฐบาลซาอุฯ ให้เป็นการลงโทษเพียงการเนรเทศ ออกนอกประเทศไปด้วยความเกรงใจ ซีไอเอ รัฐบาลซาอุดิอาระเบียก็ได้ปฏิบัติตามที่มีการร้องขอ หลังจากที่ได้ถูกให้เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ทางอัฟริกาบางประเทศแล้วในที่สุด ซีไอเอ ก็ได้สั่งการให้ บิน ลาเดน เข้าไปร่วมงานกับกลุ่มมูจาฮีดีนปฏิบัติการต่อต้านสหภาพโซเวียต ในอัฟกานิสถาน ซึ่ง บิน ลาเดน ไม่ได้เป็นผู้ที่มีวีรกรรมในการทำการรบอย่างอย่างห้าวหาญโชกโชน

ดังที่มีการนำเสนอข่าวของฝ่ายสหรัฐฯ ที่ต้องการสร้างให้ บิน ลาเดน มีความร้ายกาจ ในสายตาของชาวโลก แต่ บิน ลาเดน เป็นเพียงผู้รับเงินจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเงินสนับสนุน ให้กับกลุ่มกองโจรเท่านั้น หลังจากที่ได้ชัยชนะในการขับไล่กองทัพโซเวียตออกจากอัฟกานิสถานแล้ว บิน ลาเดน ก็ถูกสร้างภาพให้เป็นนักรบผู้เก่งกาจและเป็นขวัญใจชาวมุสลิมตามที่สหรัฐฯ สร้างให้ หลังจากนั้น บิน ลาเดน ก็ถูกสร้างให้เป็นผู้ร้ายที่ร้ายกาจอีกต่อไป กิจกรรมในการสร้างความร้ายกาจ ให้กับ บิน ลาเดน มีดังต่อไปนี้

                ( ๑ ) การวางระเบิดตึก เวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในปี ๒๕๓๖ ( ๑๙๙๓)
                ( ๒ ) การวางระเบิดฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในปี ๒๕๓๙ ( ๑๙๙๖ )
                ( ๓ ) การวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเคนยา และสถานทูตแทนซาเนียในปี ๒๕๔๑ ( ๑๙๙๘ )
                ( ๔ ) การก่อวินาศกรรมเรือรบสหรัฐฯ USS Coles ในปี ๒๕๔๓
                ( ๕ ) การวางระเบิดตึก เวิร์ลด์เทรดเซนเตอร์ในปี ๒๕๔๓
                ( ๖ ) การถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ซึ่งดูเหมือนว่า บิน ลาเดน จะถูกสร้างให้เป็น
ผู้ก่อการร้ายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกอันเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ได้แล้วในที่สุดก็นำไปสู่การสร้างสงคราม
ที่ใช้เทคโนโลยีสูงในเวลาต่อมา

                ต่อกรณีการสร้างสถานการณ์ถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ของกลุ่มก่อการร้ายที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นในนามของ บิน ลาเดน และเครือข่ายทำให้สหรัฐฯ มีความชอบธรรมในการส่งทหาร เข้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทุกภูมิภาคของโลกโดยการสร้างสถานการณ์การก่อการร้ายเพิ่มเติม ตามเป้าหมายที่ต้องการจะส่งเจ้าหน้าที่หรือกำลังทหารเข้าไปตามที่ตนเองต้องการ
ซึ่งสงครามต่อต้านการก่อการร้ายก็ถูกขยายไปทั่วทุกมุมโลกในที่สุด นั่นคือการบรรลุเป้าหมาย ในการส่งกำลังเข้าไปยึดครองพื้นที่อันมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทั่วโลกได้แล้วนั่นเอง ....หลังจากนั้นสหรัฐฯ ก็สร้างเหตุการณ์ระเบิดที่บาหลีเพื่อส่งกำลังและอิทธิพลส่วนหนึ่งของตนเข้าไป ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดึงเอาออสเตรเลียเข้าร่วมในการเล่นเกมการสร้างการก่อการร้าย อย่างมีความชอบธรรม และในที่สุดก็อ้างเหตุเพื่อการทำสงครามอิรักเมื่อต้นปี ๒๕๔๖ ที่ผ่านมา จนสามารถยึดครองแหล่งน้ำมันของโลกจนเป็นผลสำเร็จและสามารถควบคุมเศรษฐกิจของโลก ในระดับหนึ่งโดยการทำให้น้ำมันขึ้นราคาดังที่ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยต้องประสบอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้นกิจกรรมด้านการทำสงครามด้วยอาวุธสลับกับการทำสงครามชีวะ ด้วยการปล่อยให้เชื้อโรคต่าง ๆ ระบาดไปทั่วภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น โรคซาร์ซ โรคไข้หวัดนก สงครามชีวะเหล่านี้ ใช้เป็นเกมในการควบคุมประเทศต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังที่ ซุน วู ได้กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามว่า

“ ...พึงให้เจ้าครองแคว้นอื่นสยบด้วยภยันตราย ให้เจ้าครองแคว้นอื่นรับใช้ด้วยอิทธิพล ให้เจ้าครองแคว้นอื่นขึ้นต่อด้วยผลประโยชน์...ซึ่งสหรัฐฯ ก็ใช้อย่างได้ผลมาโดยต่อเนื่อง ทำให้ประเทศต่าง ๆ ตามสถานการณ์ไม่ทันต้องยอมทำตามสหรัฐฯ ซึ่งเป็นฝ่ายริเริ่มในการกระทำอยู่เสมอ นั่นคือการใช้กลยุทธ์ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมคือการที่สหรัฐฯ เริ่มสร้างเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ชาวโลกก็ตกตะลึงอยู่แล้วยังคิดอะไรไม่ออก สหรัฐฯ ฉวยโอกาสเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน โดยที่ฝ่ายใด ๆ ไม่ได้มีโอกาสคิดหรือตั้งตัวได้แต่ต้องทำตามที่สหรัฐฯ ขอร้องแกมบังคับ หลังจากนั้นก็เข้าตีอิรัก สร้างการก่อการร้ายขึ้นทั่วทุกมุมโลก เป็นลักษณะของการโผล่ที่โน่นที่นี่ตามกลยุทธ์ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมอย่างชัดเจน ซึ่งทุกครั้งจะไร้การต่อต้าน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจที่จะยับยั้งการปฏิบัติการของสหรัฐฯ ได้ทั้งนี้เพราะสหรัฐฯ ได้ใช้กลยุทธ์นี้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง


กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
ที่ว่าส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม ก็คือโดยภายนอก โดยผิวเผิน ทำให้ดูเสมือนหนึ่งว่า
จะบุกทางนี้อย่างจริงจัง แต่ที่แท้แล้วกลับบุกอีกด้านหนึ่ง ทำให้ข้าศึกหลงผิด

แล้วพิชิตเอาชัยในความหลงผิดนั้น”.


Source  : http://porgorn0009.blogspot.my/2012/05/blog-post_8539.html?view=magazine

No comments:

Post a Comment