ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก
เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด
กลยุทธ์ที่ ๖ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม
เมื่อศัตรูปั่นป่วน มิรู้เหนือใต้
ดุจจมในปลักพึงชิงเอาชัยด้วยศัตรูอับจน
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ตามคำอธิบายของ “ คัมภีร์อี้จิง ปั่นป่วน” คำว่า “ดุจจมปลัก” ก็คือตกอยู่ในภาวะที่รวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน
แต่ขยับตัวหรือกระจายแนวออกต่อตีมิได้มีอันตราย ที่จะพังพินาศได้ทุกเวลา
ประดุจฝูงสัตว์ที่ขาดหัวหน้า มิมีการบัญชาที่ถูกต้อง ก็จักต้องพ่ายแพ้
ไม่ช้าก็เร็ว หรืออีกนัยหนึ่ง ในระหว่างสงครามหรือการสัประยุทธ์ใด ๆ ก็ดี
เมื่อการบัญชาการ ของข้าศึกสับสนอลหม่าน มิอาจวินิจฉัยหรือป้องกันได้อย่างถูกต้องทันท่วงที
จนเกิดเหตุ อันไม่คาดฝันขึ้น พึงฉวยโอกาสที่ข้าศึกวุ่นวายไร้การควบคุม ทำลายเสีย
ที่ว่า
“ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม” ยังหมายถึงกลอุบายที่เห็นอยู่ทางตะวันออกหยก ๆ แต่กลับวกไปอยู่ทางตะวันตก
ส่งเสียงทางนี้ แต่ตีทางโน้นทำทีถอยแต่กลับบุกทำทีรุกแต่กลับถอย
ลวงล่อข้าศึกอย่างแนบเนียน ทำให้ข้าศึกเกิดความเข้าใจผิด
แล้วฉวยโอกาสเข้าพิชิตเอาชัยแก่ข้าศึกอย่างหนึ่ง
กลยุทธ์นี้มีอยู่ในตำราพิชัยสงครามหลายเล่มด้วยกัน เช่น “ ซุน วู ว่าด้วยภูมิประเทศ” “ยุทธวิธีร้อยแปด
ว่าด้วยสงครามเสียง”
“ไหวหนานจื่อ การฝึกยุทธวิธี” เป็นต้น ในเล่มหลังนี้กล่าวว่า “ ดังนั้น
มรรควิธีแห่งการใช้ทหาร แสดงให้เห็นว่าอ่อนแต่ปะทะด้วยแข็ง
แสดงให้เห็นว่าเปราะแต่ปะทะด้วยแกร่ง เมื่อจะรวบพึงกระจาย เมื่อจักไปประจิม
ควรทำทีไปบูรพา...” หรือ “คัมภีร์ทั่วไป ว่าด้วยการศึกหมายเลขหก”
ของตู้อิ้ว ก็กล่าวไว้ว่า “ส่งเสียงว่าตีทางบูรพา แต่ที่แท้ตีทางประจิม”
ตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์นี้คือ
เรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน
ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ของสหรัฐอเมริกา
ดังที่ได้มีการศึกษา กันอย่างกว้างขวางกันในมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของจีนในสมัยที่ผู้เขียนได้เข้าศึกษา
หลักสูตรป้องกันประเทศของจีน
จนกระทั่งผู้เขียนได้ทำการวิจัยพร้อมกับแสดงหลักฐานอย่างแน่ชัด
ถึงการสร้างสถานการณ์ของสหรัฐฯ เองมาโดยตลอดพร้อมกันนั้นผู้เขียนได้ใช้หลักการตาม
ตำราพิชัยสงคราม ซุน วู อธิบายขั้นตอนในการวางแผนของสหรัฐฯ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
จนสามารถสรุปออกมาได้ว่าเหตุการณ์ ๑๑ กันยายนฯ เป็นเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้น
อันเป็นที่แน่นอนแล้ว
จนกระทั่งได้มีการถกแถลงกันอย่างกว้างขวางและในที่สุดเอกสารวิจัย
ดังกล่าวของผู้เขียนได้รับคัดเลือกให้เป็นเอกสารวิจัยดีเด่นของมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของจีน
ในปี ๒๕๔๕- ๒๕๔๖
ซึ่งผู้อ่านสามารถหาอ่านได้ทั้งในอินเตอร์เนตและในหนังสือตามท้องตลาด
ซึ่งจะมีการวางขายในเร็ววันนี้ ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ( ซึ่งหาอ่านได้ในเวบ http://ARTAMART.FreeWeb-Hosting.com
)
โดยได้กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินกลยุทธ์ตามตำราพิชัยสงคราม
ซุน วู ไว้ต้อนหนึ่งดังนี้
“....การดำเนินกลยุทธ ซุน วู กล่าวว่า “
.......การทำสงครามทั้งปวงย่อมอยู่บนพื้นฐานของการลวง...” ในทันทีที่ “ เหตุการณ์ ๑๑
กันยายน” ได้ถูกสร้างขึ้นประชาคมโลกต่างตกตลึงต่อเหตุการณ์
ในช่วงที่ประชาคมโลกต่างตกตลึงอยู่นั้นสหรัฐอเมริกาได้ฉวยโอกาสปล่อยแผนลวงซึ่งได้มีการวางแผนไว้อย่างดีล่วงหน้าแล้วออกมาคือ
“
สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” และ
“ สงครามถล่มอัฟกานิสถาน” หลังจากนั้นทุกประเทศในโลกก็ต้องปฏิบัติตามบงการของสหรัฐฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทันทีทันใด
ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริกาประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการเป็นขั้น
ๆ โดยการใช้แผนลวงนี้อย่างไร และหลักฐานจะเป็นเครื่องสร้างความเข้าใจให้กับชาวโลกว่า
เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน เป็นเหตุการณ์ที่สหรัฐฯ
ได้สร้างขึ้นเป็นแผนที่ลวงคนทั้งโลก
ตามหลักการในตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู ที่ได้กล่าวไว้แล้ว
ซึ่งหลักฐานที่จะนำมาแสดงเป็นตัวอย่างดังนี้
๑) เวลา ๐๘.๔๕ ปรากฏภาพข่าวเครื่องบินของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์เที่ยวบินที่
๑๑ ลำแรก
พุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ทางด้านเหนือ
ข้อพิจารณา ผู้ถ่ายภาพข่าวดังกล่าวทราบได้อย่างไรว่าจะมีเครื่องบินมาชนตึก
โดยรอคอย ถ่ายภาพข่าวไว้ล่วงหน้า
ตำแหน่งดังกล่าวเป็นสี่แยกซึ่งไม่มีภาพทิวทัศน์ที่สวยงามให้บันทึก
แต่เป็นทางแยกที่สามารถมองเห็นตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในระยะไกลได้ทางด้านขวา
ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องทางแยกที่สามารถเห็นเครื่องบินบินผ่านเข้ามาพุ่งชน
ลักษณะภาพดังกล่าว ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวงการสืบราชการลับจะทราบว่า
นี่คือการถ่ายภาพ VDO ประกอบรายงาน
เพื่อนำเสนอผลงานการปฏิบัติหน้าที่ของตน
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการถ่ายภาพเครื่องบินลำแรกที่พุ่งชนนั้น
เริ่มตั้งแต่ยังไม่บินไปชนตึกจนกระทั่งชนตึก และซูมภาพระยะใกล้ให้เห็นการระเบิด
เมื่อเครื่องบินกระทบเป้าหมาย ซึ่งมุมกล้องตำแหน่งถ่ายทำ และภาพที่ออกมาไม่ใช่ลักษณะ
การถ่ายทำของนักท่องเที่ยว หรือนักข่าวสถานีโทรทัศน์โดยสิ้นเชิง
๒) เครื่องบิน F-16 ขึ้นถ่ายภาพความเสียหายตึกทิศเหนือ ก่อนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์
ตึกทิศใต้จะถูกชน
(
รายงานภาพข่าว สถานีโทรทัศน์ ฝรั่งเศส) ๐๘.๕๒ ได้ปรากฏภาพข่าวของสถานีโทรทัศน์
ฝรั่งเศส ซึ่งได้เสนอเหตุการณ์สดที่เกิดขึ้น ณ
ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศเหนือ
ขณะที่ภาพกำลังจับอยู่ที่แสงเพลิงและความเสียหาย
จากการพุ่งชนของเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตอยู่นั้น ได้ปรากฏว่ามีเครื่องบินรบ F-16 ของสหรัฐฯ บินขึ้นเหนือตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศเหนือ
โดยบินรอบตึกในระยะต่ำจนสามารถเห็นนักบิน เป็นลักษณะของการตรวจสถานการณ์และถ่ายภาพ
หลังจากนั้นเครื่องบิน F-16 ได้บินหายไปก่อน
ที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ตลำที่สองจะพุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรดด้านใต้ในเวลา ๐๙.๓๐
ตอนเช้า
๓) เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ
บินเข้าไปยังบริเวณตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ก่อนที่ตึกทางด้านใต้จะถูกถล่ม (
รายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศส) ๐๘.๕๔ เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ
เครื่องหนึ่งได้บินเข้าไปวนอยู่
บริเวณตึกทางเหนือที่ถูกถล่มโดยเครื่องบินจัมโบ้เจ็ตของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์
ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๓ แล้ว ที่จริงแล้วถ้าเครื่องบินใด ๆ ก็ตามของสหรัฐฯ
ที่สามารถบินขึ้นได้ ก็สามารถที่จะเข้าไปช่วยผู้ที่ติดอยู่ในตึกได้
แต่ไม่มีเครื่องบินใด ๆ เข้าไปช่วยทั้ง ๆ ที่สามารถ จะช่วยได้
แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าเป็นความจงใจของสหรัฐฯ เองที่ต้องการจะให้ชาวอเมริกัน
และชาวโลกได้เห็นภาพที่อเนจอนาถก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาเพื่อหวังผลทางจิตวิทยา
ให้คนอเมริกันโกรธแค้น ให้ชาวโลกเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสารสมจริงสมจัง
และผลก็เป็นไป อย่างที่ผู้สร้างเหตุการณ์วางแผนเอาไว้คือได้รับความเห็นใจจากประชาคมโลกอย่างท่วมท้น
และสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอเมริกันเป็นอย่างยิ่ง
๔)
โครงสร้างของตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเครื่องบินพุ่งชนโดยเฉพาะ
นายจอห์น แมกนัสสัน วิศวกรด้านการก่อสร้างจากบริษัทสตีลลิ่ง วอร์คแมคสัสสัน บาไซร์
แถลงว่าตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเครื่องบินพุ่งชน
ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นกับตึกเอมไพร์เสตทที่เคยถูกเครื่องบิน B-25 พุ่งเข้าชนในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ http://en.wikipedia.org/wiki/Empire_State_Building#History
มาแล้วทำให้วิศวกรได้ออกแบบเพื่อป้องกันหากมีกรณีการพุ่งชนของเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว
กรณีนี้ตึกจะไม่ยุบตัวลงมาได้เลยหากผู้ก่อวินาศกรรมไม่มีข้อมูล
จุดอ่อนที่สุดของตึก ซึ่งเก็บไว้เป็นความลับ
การได้มาของความลับโครงสร้างจุดทำลายของตึก “ คณะผู้ปลดปล่อย ( Crusader
) ซื้อจากบุคคลคณะทำงาน พิจารณาวิเคราะห์โครงสร้าง
แบบของตึกทั้งสองตึก
เพื่อค้นหาจุดอ่อนและบกพร่องเพื่อวางแผนป้องกันโครงสร้างดังกล่าว
ถูกนำออกมาจากแหล่งเก็บข้อมูลได้เนื่องจากกรณีตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกวางระเบิดเมื่อปี
๒๕๓๖
๕)
ความขัดแย้งของภาพการชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านทิศใต้ ๐๙.๐๓
ภายหลังเครื่องบิน F-16
ได้ละจากพื้นที่ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์แล้ว
เครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์เที่ยวบินที่ ๑๗๕
ได้พุ่งชนตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ด้านใต้ผลที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกด้านใต้นี้ การนำเสนอในครั้งแรกนั้นเป็นภาพ
ที่เกิดขึ้นขณะนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ขัดแย้งกับข้อความในรายงานของ NSA และ FBI รวมทั้ง CIA ซึ่งรายงานต่อประธานาธิบดีในจุดของการชนว่าเป็นชั้นที่เท่าใด ตำแหน่งใด
กี่องศาจึงมีการแก้ไขภาพข่าวใหม่โดยสร้างเป็น Visual แสดงให้เห็นการชนของเครื่องบิน ที่บินเอียงเล็กน้อยก่อนเข้าชนตึก
มิใช่บินชนในแนวระนาบ ดังนั้นบ่ายของวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔
สถานีโทรทัศน์ทั่วโลกทุกช่องจึงได้รับสัญญาณภาพข่าวจาก CNN ซึ่งเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วย Visual Program พร้อมนั้นได้มีการสร้างเสริมต่อเติมภาพ VDO ข่าวตามต้องการให้น่าตื่นเต้น อีกหลายสถานี
เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบินได้แถลงว่า ตามภาพที่เห็นว่าเครื่องบิน
มีลักษณะเอียงเช่นนั้น เมื่อพุ่งเข้าชนจะทะลุไปเป็นมุม ๔๕ องศา
แต่ตามความเป็นจริงภาพที่เห็นก่อนหน้านั้นเครื่องบินได้ทะลุตึกไปเป็นมุม ๑๘๐ องศา
แสดงว่าเครื่องบินชนตึกในแนวระนาบ ไม่ได้หักเลี้ยวทำมุมตามภาพ
จึงเชื่อได้ว่าภาพที่แสดงการเลี้ยวของเครื่องบินก่อนพุ่งเข้าชนนั้น
สร้างภาพขึ้นภายหลัง โดยผู้ไม่มีความเข้าใจเรื่องวิศวกรรมการบินพอ
๑)
เหตุผลการบินอ้อมของเครื่องบินลำที่ ๒ ก่อนพุ่งชนตึกด้านทิศใต้ นายโทนี่ เจย์
อาร์มสตรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้าง ที่ปรึกษาของ FBI ได้ชี้แจงในที่ประชุมคณะที่ปรึกษาฯ ว่า “ สาเหตุที่เครื่องบินโบอิ้งของบริษัทยูไนเต็ดแอร์ไลน์
ซึ่งขึ้นจากสนามบินโลแกนเมืองบอสตัน บินอ้อมไปหลายรัฐก่อนพุ่งเข้าชนตึกด้านใต้นั้น
ตามความเห็นของเขาเห็นว่ามีความเป็นไปได้สถานเดียวคือ “ การถ่วงเวลาให้เกิดค่าสมดุล” เพื่อรอเวลาให้ตึกด้านเหนือซึ่งถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงที่ลุกจากน้ำมันเครื่องบิน
จะมีความร้อนสูงกว่า ๑๐๐๐ องศา C โครงสร้างเหล็กภายในจะหลอมละลายเหมือนพลาสติกถูกไฟลนและอ่อนตัว
ซึ่งจะใช้เวลาระยะหนึ่งที่ต้องไม่น้อยกว่า ๑๕ นาที
ความเชี่ยวชาญและข้อมูลของผู้ก่อวินาศกรรม นับว่ากว้างขวางมาก
จะเห็นได้จากการชนตึกด้านใต้นั้น เครื่องบินจะชนตรงรอยต่อ
ซึ่งเป็นจุดเปราะบางที่สุด
และเป็นความลับที่สุดบุคคลภายนอกจะไม่มีทางล่วงรู้ได้เลย การชนตึกด้านใต้ตรงจุดเปราะบางและอ่อนไหวที่สุดของตึกเช่นนั้น
ก็เพื่อให้ตึกขาดความสมดุล
จะเห็นว่าเป็นการชนด้านข้างเพื่อให้โครงสร้างของตึกตรงนั้นขาดออกจากกัน
และเกิดการเอียง เพราะขาดสมดุลไม่ใช่ชนลักษณะปกติ การชนระยะมุมกระทบ ตำแหน่ง
ถูกต้องตรงจุด ได้องศา แม่นยำเหมือนกับการลากด้วยปากกาแสง ( Light
Pen ) บนจอเรดาร์ เมื่อเกิดการหักที่มุมตึก
ด้านทิศใต้จากการชนเช่นนั้น
จึงเป็นการทำลายจุดสมดุลที่สำคัญของตึกที่จะทรงตัวอยู่ได้
ซึ่งทำให้ตึกใต้ยุบตัวลงมาอย่างรวดเร็วเพราะขาดจุดสมดุลของโครงสร้างและยุบตัวลงมา
อย่างรวดเร็วก่อนตึกด้านทิศเหนือ ซึ่งขณะนั้นเหล็กได้หลอมละลายได้ที่แล้ว
และไม่สามารถ รับน้ำหนักของตึกชั้นบนประมาณ ๒๐ ชั้น ซึ่งมีน้ำหนักโดยรวมเฉลี่ย ๕๐,๐๐๐ ตันไว้ได้
ตึกด้านทิศเหนือได้รับแรงสะท้อนจากการยุบตัวของตึกด้านใต้
จึงทำให้ตึกเหนือยุบตัวตามลงมา และชั้นต่าง ๆ ที่เหลือด้านล่างก็ไม่สามารถรับน้ำหนักของตัวอาคารจึงยุบลงทั้งหมดในลักษณะ
แนวดิ่งดังที่ปรากฏ ผู้ที่วางแผนวินาศกรรมนี้จะต้องเป็นนักวิศวกรรมชั้นเยี่ยม
และต้องมี คณะนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักฟิสิกส์จึงสามารถคำนวณระยะเวลา ความร้อน
น้ำหนัก โครงสร้าง จุดเปราะของตึก และองศาที่เครื่องจะเข้าชนได้อย่างแม่นยำ
โดยเฉพาะการพุ่งเข้าชนด้วย ความแม่นยำเช่นนั้นทั้งสองตึก
ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้โดยนักบิน น่าจะเป็นการบังคับด้วยเครื่องมือ
หรือเทคโนโลยีพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่า “ ขบวนการก่อการร้ายจะมีความสามารถทำได้ หากไม่มีข้อมูลลับ และคณะทำงานที่มีความรอบรู้อย่างเชี่ยวชาญ” ตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ทั้ง ๒ ตึกดังกล่าวนี้ เป็นที่ตั้งบริษัท
องค์กรธุรกิจการเงินระดับประเทศ รวมทั้งสิ้น ๘๐ ประเทศ
ผลของการก่อวินาศกรรมดังกล่าวนั้น ทำให้ขบวนการก่อวินาศกรรมมีศัตรูเพิ่มขึ้นทันที
๘๐ ชาติทั่วโลก
๖). Description:
http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gifDescription:
http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gif
๗). Description:
http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gifDescription:
http://www.free-webboard.com/pic/smiley/e8.gif
๘)
มันเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิงที่ผู้ก่อการร้ายจะมีความจงใจสร้างศัตรูให้เกิดขึ้นจาก
“
เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน” เพราะว่าประชาชนที่เสียชีวิตอันเนื่องจากการถล่มตึกในครั้งนี้เป็น
นักธุรกิจจากทั้งหมดกว่า ๘๐ ประเทศทั่วโลก มันหมายความว่า บิน ลาเดน
สร้างศัตรูขึ้น ในคราวเดียวกันถึง กว่า ๘๐ ประเทศ
๙)
การชนตึกเพนตากอนกับงบประมาณทางทหาร โครงการระบบป้องกันขีปนาวุธ ( MMD ) เป็นโครงการตั้งขีปนาวุธเพื่อป้องกันสหรัฐฯ
ในทุกภูมิภาคของโลกและถือเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช
ได้ทำการรณรงค์เพื่อให้สหภาพยุโรปเห็นพ้องด้วย โดยพลเอก คอลิน เพาเวล เดินทาง
ไปยังกลุ่มประเทศในเครือยุโรปแต่ได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรงและมีแนวโน้มว่า
จะไม่ได้รับผลสำเร็จตามที่ต้องการประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯ
สภาคองเกรสมีแนวโน้มว่าจะตัดงบประมาณทางทหาร ในระยะเวลาอันใกล้
ย่อมหมายถึงการลดกำลังทหารและฐานทัพทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ซึ่งฝ่ายที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสภาฯ เห็นควรว่าจะต้องนำงบประมาณ
ส่วนใหญ่มามุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก่อน
ลักษณะท่าทีดังกล่าวทำให้บริษัทผู้ผลิตส่วนประกอบชิ้นส่วน
และเทคโนโลยีการทหารได้รับผลกระทบอย่างยิ่งไปด้วย
แนวโน้มการตัดงบประมาณทางทหารและด้านการรักษาความปลอดภัยของประเทศ
ได้กระจายไปยังนายทหารระดับสูงของเพนตากอนและผู้บัญชาการกองทัพรวมถึง
ผู้อำนวยการสภาความมั่นแห่งชาติ NSA ซึ่งจะเข้าข่ายในการตัดลดงบประมาณทางทหาร
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือการตัดลดงบประมาณด้านการข่าวกรอง CIA ซึ่งจะตัดก่อนงบประมาณอื่น ๆ
การนำเสนอตัดลดงบประมาณการทหารคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในเดือน
พ.ย. ๒๕๔๔.
ในวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๔
เวลา ๐๙.๔๐ เครื่องบินจัมโบ้เจ็ตของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์
สามารถฝ่าด่านแนวป้องกันภัยทางอากาศ NORAD ของกองทัพสหรัฐฯ
พุ่งชนตึกเพนตากอน ได้รับความเสียหายยับเยิน
๑๐) ยอดผู้เสียชีวิตจะต้องมีมากกว่าที่ปรากฏออกมาคืออย่างน้อยจะต้องมียอดผู้เสียชีวิต
เป็นหลายแสนคนในสถานการณ์ปกติตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์จะมีผู้เข้าเยี่ยมชมสถานที่พร้อมกัน
หรือในเวลาเดียวกันเป็นจำนวนหลายแสนคน
ซึ่งนักท่องเที่ยวจะไปเข้าคิวรอกันเพื่อเข้าเยี่ยมชม ตั้งแต่ ๐๖.๐๐ ในตอนเช้า แต่เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจำนวนยอดผู้เสียชีวิตสุดท้ายจริง
ๆ ของเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน มีเพียงแค่ ๒,๐๐๐
คนเศษเท่านั้นและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่
ก็เป็นนักธุรกิจชาวมุสลิมที่มีสำนักงานอยู่บนตึกแห่งนั้น จึงสามารถที่จะประมาณเอา
ได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
๑๑) จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ (
พ.ย. ๒๕๔๔ ) ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดอย่างสมเหตุสมผลเลยว่า บิน
ลาเดนและเครือข่ายผู้ก่อการร้ายของเขาเป็นผู้บงการและดำเนินการในการถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์
แต่อย่างใดหลายเรื่องล้วนแล้วแต่คาดว่าโดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ
เป็นผู้ออกมาแถลงข่าวเท่านั้น
๑๒) ไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการใด
ๆ ในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับระบบเตือนภัยทางอากาศ ของ NORAD ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนและทำไมจึงไม่ทำงานในระหว่างที่ผู้ก่อการร้ายโจมตี
และด้วยความคลุมเครือของสถานการณ์สหรัฐ ฯ ก็ได้ดำเนินการตามแผนในการปราบปรามผู้ก่อการร้าย
ซึ่งเป็นช่วงที่คนทั้งโลกกำลังงงงันอยู่
๑๓) ไม่มีรายงานใด ๆ จาก NSA ,
CIA ,FBI , NORAD ว่าทำไมจึงปล่อยให้เครื่องบินทั้งสี่ลำ
ถูกผู้ก่อการร้ายจี้ได้และให้สามารถผ่านทะลุระบบป้องกันที่ว่าดีที่สุดในโลกเข้ามาได้ซึ่งเป็นเรื่อง
ที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของนักการทหารและนักวิเคราะห์สถานการณ์โลก นอกจากการจงใจ
ปล่อยให้เข้ามาของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเพียงกรณีเดียวเท่านั้น
๑๔)
ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงใด ๆ ที่จะสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบันทุก
ที่ราดาร์ตรวจจับอยู่ตลอดเวลาจากทุกหอบังคับการบิน
๑๕)
ไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการใด ๆ ในการที่จะสืบหาข้อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่
ที่รับผิดชอบในการควบคุมระบบดาวเทียมทหาร และระบบ GPS ว่าทำไมระบบที่อยู่ในการควบคุม จึงไม่มีข้อมูลในการแจ้งเตือนล่วงหน้าได้
๑๖)
หน่วยงานจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ( FEMA
Federal Emergency Management Agency ) ได้ถูกเรียกให้เข้าไปเตรียมพร้อม
ณ กรุงนิวยอร์ก ก่อนเกิดเหตุการณ์วันที่ ๑๑ กันยายน คือได้ถูกเรียกไปเตรียมพร้อม ณ
กรุงนิวยอร์ก ตั้งแต่เย็นวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๔ (๒๐๐๑)
ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลกลางของ
สหรัฐอเมริการู้เห็นเหตุการณ์นี้เป็นอย่างดี
และเป็นหลักฐานยืนยันถึงการที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างสถานการณ์ ๑๑
กันยายน ขึ้นมาเอง (www.whatreallyhappened.com)
๑๗) เหตุผลที่เลือกใช้เครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์และยูไนเตทแอร์ไลน์
( สายงานข่าวจากดัลลัส เท็กซัส) วันที่ ๒ มิ.ย.๒๕๔๓
ระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้ถูกนักแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลทั้งหมด
วันที่ ๖ ก.ค. ๒๕๔๓ บริษัทสายการบินลีเจนด์แอร์ยื่นฟ้องต่อศาลเมืองดัลลัสว่า
บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้เจาะ ( Hacker) เข้าไปในระบบข้อมูลของตนโดยในคำฟ้องของลีเจนด์แอร์ระบุว่า “ ไม่เชื่อว่าเกิดจากความบังเอิญแต่มั่นใจว่าอาจเป็นแผนทำลายทางธุรกิจเนื่องจากข้อมูลด้านเส้นทางการให้บริการแผนงานตั้งแต่ออกจากสนามบินเลิฟ
ฟิลด์ ใกล้เมืองดัลลัสอันเป็นพื้นที่ของอเมริกันแอร์ไลน์”พร้อมเรียกค่าเสียหายนับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทสายการบินลีเจนด์ แอร์
เป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งจะเข้าสู่ตลาดได้ยังไม่ถึง ๓ เดือนเท่านั้น
ส่วนบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ ๒ ของสหรัฐอเมริกาแต่ในระยะ
๑๐ เดือนที่ผ่านมานี้บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ได้ประสบปัญหาการขาดทุนมหาศาลจากการสไตรค์ของนักบินและพนักงาน
ทั้งนี้ฝ่ายบริหารงานบริษัทมีแผน
ที่จะปลดพนักงานไม่น้อยกว่า ๒๐,๐๐๐ คนภายในปีนี้ แต่ติดปัญหาการจ่ายเงินทดแทนจำนวนมหาศาลให้กับพนักงาน
และเงินชดเชยเหตุผลในการปลดออกซึ่งยังไม่สามารถตกลงกันได้
การที่บริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ถูกฟ้องนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในหุ้นของบริษัทต้องลดลงทำให้ฝ่ายบริหารของอเมริกันแอร์ไลน์ตัดสินใจฟ้องกลับ
บริษัทสายการบินลีเจนด์ แอร์
เป็นจำเลยต่อศาลของเมืองดัลลัสเพื่อรักษาภาพพจน์ของบริษัทอย่างน้อยก็เพื่อรักษาราคาหุ้นไม่ให้ตกดิ่งไปกว่าเดิม
โดยในคำฟ้องอเมริกันแอร์ไลน์
ได้อ้างถึงข้อสัญญาที่ลงนามร่วมกันระหว่างลีเจนด์แอร์ไลน์
ทั้งสองบริษัทได้ว่าจ้างบริษัทนักสืบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาเป็นผู้ติดตามและหาหลักฐานจากระบบข้อมูลของแต่ละบริษัท
เพื่อนำไปแสดงต่อศาลดัลลัส รัฐเท็กซัส
ถ้าวิเคราะห์อย่างนักการทหารแล้วจะเห็นได้ว่า
เป็นการลวงทางการสงครามที่ได้ผลที่สุดเนื่องจาก
ไม่มีผู้ใดที่จะคิดสงสัยไปเป็นเรื่องอื่นนอกจากเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายเพียงสถานเดียวเท่านั้น
และผลที่ออกมาจากการปฏิบัติตามแผนลวงก็บรรลุเป้าหมายอย่างสูงยิ่งทุกเป้าหมาย
จึงวิเคราะห์ ตามหลักการในตำราพิชัยสงคราม ซุน วูที่กล่าวว่า “....ทุกกลยุทธเพื่อนำมาซึ่งชัยชนะในสงคราม
อยู่บนพื้นฐานของการลวงทั้งสิ้น...) ( การใช้หลักการตามตำราพิชัยสงคราม ซุน วู
อธิบาย“เหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔” และ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย”โดย พันโท โสภณ ศิริงาม )
เมื่อสหรัฐฯ สร้างกรณี ๑๑
กันยายน เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่โลกกำลังตะลึง สหรัฐฯ รีบเร่งเข้าโจมตี
เป้าหมายการยึดครองต่อไปอย่างรวดเร็ว โดยการโจมตีอัฟกานิสถาน
เพื่อที่จะมุ่งเข้าสร้างความปั่นป่วน ในมลฑลซินเกียงของจีน โดยอาศัยชื่อของบิน
ลาเดน ดังมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ดังนี้
“............กรณี ๑๑ กันยายน , สงครามถล่มอัฟกานิสถานและสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ในปี ๒๕๔๔
เป้าหมายหลักเป็นการมุ่งไปสู่การให้ได้มาซึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และเตรียมการ
ที่จะทำสงครามอ่าวครั้งที่ ๒ โอซามา บิน ลาเดน เป็นสมาชิกคนสำคัญขององค์กร ซีไอเอ
ที่ปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์ต่อ ซีไอเอ มาโดยตลอดและเป็นเวลานาน ในช่วงที่มีสงคราม
อ่าวเปอร์เซียครั้งแรก บิน ลาเดน
ทำงานเป็นนายหน้าขายอาวุธของบริษัทผลิตอาวุธสหรัฐฯ และอังกฤษให้กับกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจนกระทั่งมีฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี
เป็นธรรมดา ที่เมื่อทำงานให้ ซีไอเอ แล้วจะต้องถูกใช้งานเมื่อใช้งานไม่ได้ ซีไอเอ
จะต้องกำจัดทิ้ง อย่างไม่มีความปราณี ( คนไทยที่ทำงานเพื่อซีไอเอ
ในประเทศไทยในขณะนี้พึงสังวรณ์ เมื่อท่านหมดค่าแล้วท่านจะถูกฆ่าดังเช่น บิน
ลาเดนและ ซัดดัม ) บิน ลาเดน ก็เช่นเดียวกัน
เพื่อเป็นการสั่นคลอนราชบัลลังก์ของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบีย ซีไอเอ จึงสั่งการให้
บิน ลาเดน ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ซาอุฯ เมื่อรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
ล่วงรู้แผนการก่อน ( ซีไอเอ เป็นผู้ส่งข่าวให้ ) จึงจับกุม บิน ลาเดน
แล้วจะลงโทษตามกฎหมายมุสลิมคือ การตัดอวัยวะของร่างกาย ซีไอเอ
จึงร้องขอต่อรัฐบาลซาอุฯ ให้เป็นการลงโทษเพียงการเนรเทศ
ออกนอกประเทศไปด้วยความเกรงใจ ซีไอเอ
รัฐบาลซาอุดิอาระเบียก็ได้ปฏิบัติตามที่มีการร้องขอ หลังจากที่ได้ถูกให้เดินทางไปยังประเทศต่าง
ๆ ทางอัฟริกาบางประเทศแล้วในที่สุด ซีไอเอ ก็ได้สั่งการให้ บิน ลาเดน
เข้าไปร่วมงานกับกลุ่มมูจาฮีดีนปฏิบัติการต่อต้านสหภาพโซเวียต ในอัฟกานิสถาน ซึ่ง
บิน ลาเดน ไม่ได้เป็นผู้ที่มีวีรกรรมในการทำการรบอย่างอย่างห้าวหาญโชกโชน
ดังที่มีการนำเสนอข่าวของฝ่ายสหรัฐฯ
ที่ต้องการสร้างให้ บิน ลาเดน มีความร้ายกาจ ในสายตาของชาวโลก แต่ บิน ลาเดน
เป็นเพียงผู้รับเงินจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเงินสนับสนุน ให้กับกลุ่มกองโจรเท่านั้น
หลังจากที่ได้ชัยชนะในการขับไล่กองทัพโซเวียตออกจากอัฟกานิสถานแล้ว บิน ลาเดน
ก็ถูกสร้างภาพให้เป็นนักรบผู้เก่งกาจและเป็นขวัญใจชาวมุสลิมตามที่สหรัฐฯ สร้างให้
หลังจากนั้น บิน ลาเดน ก็ถูกสร้างให้เป็นผู้ร้ายที่ร้ายกาจอีกต่อไป
กิจกรรมในการสร้างความร้ายกาจ ให้กับ บิน ลาเดน มีดังต่อไปนี้
( ๑ ) การวางระเบิดตึก
เวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในปี ๒๕๓๖ ( ๑๙๙๓)
( ๒ )
การวางระเบิดฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในปี ๒๕๓๙ ( ๑๙๙๖ )
( ๓ ) การวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ
ในเคนยา และสถานทูตแทนซาเนียในปี ๒๕๔๑ ( ๑๙๙๘ )
( ๔ )
การก่อวินาศกรรมเรือรบสหรัฐฯ USS Coles ในปี ๒๕๔๓
( ๕ ) การวางระเบิดตึก
เวิร์ลด์เทรดเซนเตอร์ในปี ๒๕๔๓
( ๖ )
การถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ ซึ่งดูเหมือนว่า บิน
ลาเดน จะถูกสร้างให้เป็น
ผู้ก่อการร้ายที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกอันเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ
ได้แล้วในที่สุดก็นำไปสู่การสร้างสงคราม
ที่ใช้เทคโนโลยีสูงในเวลาต่อมา
ต่อกรณีการสร้างสถานการณ์ถล่มตึกเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ของกลุ่มก่อการร้ายที่สหรัฐฯ
สร้างขึ้นในนามของ บิน ลาเดน และเครือข่ายทำให้สหรัฐฯ มีความชอบธรรมในการส่งทหาร
เข้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
ได้ทุกภูมิภาคของโลกโดยการสร้างสถานการณ์การก่อการร้ายเพิ่มเติม
ตามเป้าหมายที่ต้องการจะส่งเจ้าหน้าที่หรือกำลังทหารเข้าไปตามที่ตนเองต้องการ
ซึ่งสงครามต่อต้านการก่อการร้ายก็ถูกขยายไปทั่วทุกมุมโลกในที่สุด
นั่นคือการบรรลุเป้าหมาย
ในการส่งกำลังเข้าไปยึดครองพื้นที่อันมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทั่วโลกได้แล้วนั่นเอง
....” หลังจากนั้นสหรัฐฯ
ก็สร้างเหตุการณ์ระเบิดที่บาหลีเพื่อส่งกำลังและอิทธิพลส่วนหนึ่งของตนเข้าไป
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และดึงเอาออสเตรเลียเข้าร่วมในการเล่นเกมการสร้างการก่อการร้าย อย่างมีความชอบธรรม
และในที่สุดก็อ้างเหตุเพื่อการทำสงครามอิรักเมื่อต้นปี ๒๕๔๖ ที่ผ่านมา
จนสามารถยึดครองแหล่งน้ำมันของโลกจนเป็นผลสำเร็จและสามารถควบคุมเศรษฐกิจของโลก
ในระดับหนึ่งโดยการทำให้น้ำมันขึ้นราคาดังที่ประเทศต่าง ๆ
รวมทั้งประเทศไทยต้องประสบอยู่ในขณะนี้
นอกจากนั้นกิจกรรมด้านการทำสงครามด้วยอาวุธสลับกับการทำสงครามชีวะ
ด้วยการปล่อยให้เชื้อโรคต่าง ๆ ระบาดไปทั่วภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เช่น โรคซาร์ซ โรคไข้หวัดนก สงครามชีวะเหล่านี้ ใช้เป็นเกมในการควบคุมประเทศต่าง ๆ
ได้เป็นอย่างดี ดังที่ ซุน วู ได้กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามว่า
“ ...พึงให้เจ้าครองแคว้นอื่นสยบด้วยภยันตราย
ให้เจ้าครองแคว้นอื่นรับใช้ด้วยอิทธิพล
ให้เจ้าครองแคว้นอื่นขึ้นต่อด้วยผลประโยชน์...” ซึ่งสหรัฐฯ ก็ใช้อย่างได้ผลมาโดยต่อเนื่อง ทำให้ประเทศต่าง ๆ
ตามสถานการณ์ไม่ทันต้องยอมทำตามสหรัฐฯ ซึ่งเป็นฝ่ายริเริ่มในการกระทำอยู่เสมอ
นั่นคือการใช้กลยุทธ์ “ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม” คือการที่สหรัฐฯ เริ่มสร้างเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน
ชาวโลกก็ตกตะลึงอยู่แล้วยังคิดอะไรไม่ออก สหรัฐฯ ฉวยโอกาสเข้ายึดครองอัฟกานิสถาน
โดยที่ฝ่ายใด ๆ ไม่ได้มีโอกาสคิดหรือตั้งตัวได้แต่ต้องทำตามที่สหรัฐฯ
ขอร้องแกมบังคับ หลังจากนั้นก็เข้าตีอิรัก สร้างการก่อการร้ายขึ้นทั่วทุกมุมโลก
เป็นลักษณะของการโผล่ที่โน่นที่นี่ตามกลยุทธ์ “ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม” อย่างชัดเจน
ซึ่งทุกครั้งจะไร้การต่อต้าน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้าน
แต่ก็ไม่อาจที่จะยับยั้งการปฏิบัติการของสหรัฐฯ ได้ทั้งนี้เพราะสหรัฐฯ
ได้ใช้กลยุทธ์นี้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง
กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
“ ที่ว่าส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม
ก็คือโดยภายนอก โดยผิวเผิน ทำให้ดูเสมือนหนึ่งว่า
จะบุกทางนี้อย่างจริงจัง
แต่ที่แท้แล้วกลับบุกอีกด้านหนึ่ง ทำให้ข้าศึกหลงผิด
แล้วพิชิตเอาชัยในความหลงผิดนั้น”.
Source : http://porgorn0009.blogspot.my/2012/05/blog-post_8539.html?view=magazine
No comments:
Post a Comment