Wednesday, January 18, 2017

ส่วนที่ ๑ กลยุทธชนะศึก : กลยุทธ์ที่ ๕ ตีชิงตามไฟ

ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก

เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด

กลยุทธ์ที่ ๕ ตีชิงตามไฟ
เมื่อศัตรูมีภัยใหญ่หลวง ให้ฉกฉวยเอาประโยชน์ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อน

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า เมื่อศัตรูอยู่ในภาวะวิกฤติ ควรฉวยโอกาสรุกรบโจมตีเพื่อให้ได้มา ซึ่งชัยชนะ หรือให้ผู้เข้มแข็งออกโรงเข้าแทรกแซงให้ผู้อ่อนกว่ายอมสยบด้วยนี้ก็คือที่เรียกว่า ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อนความหมายเดิมของ ตีชิงตามไฟคือ ในขณะที่ผู้อื่นถูกเพลิง เผาผลาญห่วงแต่ตัวเอง ไม่ว่างกับเรื่องอื่น ก็ฉวยโอกาสแย่งชิงเอาของของผู้นั้นมาหรือ ในขณะที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายหรือในความยากลำบาก ก็รุกล้ำเอาผลประโยชน์ของผู้นั้นมา เมื่อนำมาใช้ในการทหาร ก็คือสิ่งที่ตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู ว่าด้วยอุบายกล่าวไว้ว่า


ชิงเอาในยามปั่นป่วนหรือที่ ว่าด้วยอุบายของตู้มู่ นักการทหารอีกคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า

เมื่อข้าศึกวุ่นวายปั่นป่วน อาจฉวยโอกาสช่วงชิงมาได้กลยุทธ์นี้ แต่เดิมมาจากตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู ว่าด้วยอุบายที่กล่าวไว้ว่า ชิงเอาในยามปั่นป่วนฉะนั้น กลยุทธ์นี้จึงเป็นกโลบายที่ฉวยโอกาสในยามที่ข้าศึกอยู่ในภาวะวิกฤต เข้ารุกรบโจมตีอย่างหนึ่ง ที่กล่าวว่า

เมื่อข้าศึกมีภัยมหันต์ ให้ฉกฉวยเอาประโยชน์มิได้จำกัดอยู่แต่เพียงในด้านการทหารหากจะนำไปใช้ได้ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและอื่น ๆ อย่างกว้างขวาง จะได้ผลหรือไม่อย่างใดก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ในบางครั้งยังอาจจะใช้วิธีการต่าง ๆ ทำให้ข้าศึกเกิดวิกฤติ ให้เกิดความระแวงสงสัยในกันและกันตอกย้ำความประหวั่นพรั่นพรึงทางจิตใจให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นเพื่อบั่นทอนพลังสู้รบของข้าศึก เป็นต้น

หลังจากนั้นจึงฉวยโอกาสชิงเอาชัย นี่ก็นับอยู่ในการใช้กลยุทธ์นี้ด้วย ตัวอย่างเหตุการณ์ภาคใต้ของประเทศไทย ดังที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นทางภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๗  คือการปล้นค่ายทหาร สังหารทหารยามและนำปืนออกจากค่ายทหารทางภาคใต้ของไทยอย่างอุกอาจ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่แม้กระทั่งครั้งที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในยุคสงครามเย็น ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญของทหารไทยและชาวไทยเช่นนี้มาก่อน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อย่างไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น ถ้านับจากสถานการณ์ที่มีการยุติการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์และการเข้าร่วม พัฒนาชาติไทยของกลุ่มก่อการร้ายต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งทางภาคใต้ด้วยเหตุการณ์ทางภาคใต้ สงบเรียบร้อยมาโดยตลอด จนกระทั่งมีเหตุให้มีการยุบ ศอบต.ในเวลาต่อมา 

จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ภาคใต้ ไม่ได้มีอะไรอีกเลย ประชาชนชาวใต้ก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะแยกตัวออกเป็นอิสระหรือเป็นประเทศอิสระแต่ประการใด อีกทั้งเมื่อชาวมุสลิมทั่วโลกมีความเกรงกลัวจากการถูกประณามว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การก่อการร้ายทั่วโลกด้วยแล้ว ชาวมุสลิมเองก็ต้องการที่จะทำให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ที่ชาวโลกเห็นเช่นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการใส่ร้ายจากฝ่ายตรงข้ามของชาวมุสลิมทั้งนั้น ถ้าชาวมุสลิม จะสนับสนุนชาวมุสลิมด้วยกันให้ก่อการร้ายร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมก็ยิ่งเป็นการฆ่าตนเองไปทุกวัน ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะกระทำเช่นนั้นโดยแท้ อีกทั้ง อิรัก ก็ถูกสหรัฐฯ ยึดครองไปแล้วเรียบร้อย ซีเรียก็ประกาศตนเองเรียบร้อย เช่นเดียวกันว่าสนับสนุนผู้ก่อการร้ายไม่ได้เพราะสหรัฐฯ จะหาเหตุเข้าโจมตีซีเรียอีก ซีเรียจึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สหรัฐฯ หาเหตุเข้าโจมตีตนได้ ต้องถอยห่างจากการก่อการร้ายทั้งทางลับและเปิดเผย ส่วนประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ
                
ก็อยู่ในอาณัติของสหรัฐฯ จนสิ้น ถ้ามีข่าวคราวใด ที่ซีไอเอ อันเป็นองค์กรที่รู้เรื่องการก่อการร้ายดีที่สุดในโลกอยู่ในขณะนี้ก็จะสามารถพิสูจน์ทราบได้ในทันที จึงเป็นไปไม่ได้อีกโดยแท้ที่ประเทศในตะวันออกกลาง จะให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในประเทศไทย เพราะเหตุผลล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น ถ้าจะว่าชาวมุสลิมอินโดนีเซีย สนับสนุน ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกที่จะทำ เพราะอินโดนีเซียก็มีปัญหาของตนเองไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพยายามแบ่งแยกดินแดนของชนกลุ่มน้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ที่ต้องการจะทำลายความเป็นเอกภาพของอินโดนีเซีย เพื่อผลทางด้านทรัพยากร ผลด้านศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก เหตุผลด้านการช่วยเหลือชนเผ่าเดียวกันคือออสเตรเลียที่ถือว่าอินโดนีเซียเป็นภัยคุกคาม ที่อันตรายที่สุดของตน การช่วยเหลือออสเตรเลียเช่นนี้ก็จะทำให้สหรัฐฯ มีอิทธิพลเข้าครอบงำออสเตรเลียได้ โดยปริยายเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็เรื่องผลประโยชน์ร่วมอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเมื่ออินโดนีเซียมีปัญหาเช่นนี้ จะด้วยเหตุผลอันใดที่อินโดนีเซียจะมาสนับสนุนชาวมุสลิมภาคใต้ของไทยให้ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจรัฐ

ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน แล้วถ้าอินโดนีเซียจะทำก็ควรเลือกทำในช่วงที่ตนมีเอกภาพมากที่สุดไม่ดีกว่าหรือ คือในยุคที่ซูฮาร์โต้เรืองอำนาจ ซึ่งซูฮาร์โต้ถึงขั้นเข้ายึดติมอร์ตะวันออกได้ ถ้าอยากได้ภาคใต้ของไทยก็ทำในช่วงนั้น จะมีเหตุผลมากกว่าว่าซูฮาร์โต้ต้องการขยายอำนาจของตนซึ่งก็ไม่มีเกิดขึ้น ถ้าเป็นมาเลเซียจะให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีกเพราะมาเลเซียก็เพิ่งเปลี่ยนผู้นำที่เข้มแข็งที่สุดไป คนที่มาเป็นผู้นำมาเลเซียคนต่อมาก็ไม่ได้มีความหิวกระหายที่จะขยายอำนาจของตนเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด

ซึ่งเมื่อวิเคราะห์กันด้วยเหตุด้วยผลก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีเหตุผลอันควรที่ผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทยจะได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศเพื่อทำลายความเป็นเอกภาพของประเทศไทยได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นใคร ที่สร้างเรื่องราวขึ้นมาให้ประเทศไทยมีความวุ่นวายและสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร จะเห็นได้ว่าเรื่องราวทางภาคใต้ของไทยประทุขึ้นหลังจากที่ทหารไทยเสียชีวิตในอิรัก ๒ นาย เหตุการณ์ห่างกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเองจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องราวของทั้งสองพื้นที่มีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าไม่มีก็คือไม่มี

แต่ถ้าคิดแบบนักยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ดังที่ซุน วู กล่าวไว้ว่า“ ....การสงครามทั้งหลายอยู่บนพื้นฐานของการลวง....ทุกอย่างถ้าเป็นการต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ในเวทีนานาชาติด้วยแล้วการลวงจะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางยากที่จะเข้าใจได้ด้วยการคิดเพียงแค่ชั้นเดียว ดังที่ทราบกันแล้วว่า สถานการณ์ในอิรักขณะนั้น สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สหรัฐฯต้องการพันธมิตรเข้าไปช่วยพยุงฐานะตนในอิรัก ฝ่ายที่ให้การสนับสนุนการต่อต้านสหรัฐฯ ในอิรักก็คงเป็นฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ ยึดครองอิรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจทั้งหลายย่อมไม่ปล่อยให้สหรัฐฯ กลืนกินสหรัฐฯ อย่างคล่องคอเพราะนั่นหมายถึงผลประโยชน์มหาศาลของมหาอำนาจเหล่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่จะจัดให้มีกลุ่มต่อต้านขึ้นในอิรัก จึงทำให้ทหารสหรัฐฯ ในช่วงนั้นถูกโจมตีและเสียชีวิตไม่เว้นแต่ละวันดังที่ปรากฏในข่าว การสูญเสียชีวิตของทหารไทยในอิรักจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจถอนทหารออกจากอิรักได้


การสร้างเหตุการณ์ในภาคใต้ให้เห็นว่าผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางเป็นต้นเหตุจะช่วยสร้างความโกรธแค้นให้กับคนไทย และทำให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นมีความชอบธรรมในการที่จะดำรงกำลังทหารไว้ในอิรักต่อไป เกมทางภาคใต้ของไทยจึงมีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ในอิรักอย่างแน่นแฟ้น และมีความสัมพันธ์กับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างแน่นแฟ้นเช่นเดียวกัน เหตุการณ์ ๔ มกราคม ๒๕๔๗ ตามมาด้วย เหตุการณ์ย่อย ๆ อีกมากมายทำให้คนไทยเห็นจริงว่าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นจริง ทุกฝ่ายไม่ได้มีความสงสัยเป็นอย่างอื่นนอกจากพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าชาวมุสลิมต้องการจะแบ่งแยกดินแดน หลังจากนั้นได้มีเหตุการณ์ย่อย ๆ ตามขึ้นมาเพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของสถานการณ์ที่มีการทวีความรุนแรง ขึ้นมาโดยตลอด มีการปล้นชิง มีการเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีการท้าทายอำนาจรัฐนานัปการ

ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ ซึ่งมีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่าหนึ่งร้อยคน สถานการณ์ยิ่งบานปลายหนักขึ้นอีกโดยลำดับ จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ มีการชุมนุมประท้วง ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาอีก ๘๔ ศพ ความรุนแรงเช่นนี้ เป็นที่น่าประหลาดมากที่ไม่สามารถที่จะหาผู้อยู่เบื้องหลังได้อย่างแท้จริง ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถ ที่จะกำหนดวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างได้ผล สายงานด้านการข่าวทุกสายงุนงง แต่เมื่อหาหลักฐานใด ๆ ไม่ได้ ก็มาลงที่ชาวมุสลิมที่ต้องการจะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งได้กล่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่ชาวมุสลิม จะทำเช่นนั้น

มีตัวอย่างอยู่ตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนอยากจะนำมาเทียบเคียงเพื่อเป็นอุทาหรณ์เปรียบเทียบกับเรื่องดังกล่าวนี้คือ ในยุคสงครามเย็นที่คนไทยต่างต่อสู้ประหัตประหารกันล้มตายมากมาย คนไทยในยุคนั้นเข้าใจกันอย่างเดียวว่า ผู้ที่รุกรานคือภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ใครที่มีความเลื่อมในศรัทธาในลัทธิคอมมิวนิสต์ต้องถูกสังหารให้สิ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ในเวลาต่อมาหลังจากที่มีการเข่นฆ่ากันระหว่างคนไทยมากมายแล้วปรากฏว่า การยุติสงครามได้เกิดขึ้นจากการเจรจาให้ฝ่ายจีนระงับการช่วยเหลือสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ทำให้การต่อสู้จบสิ้นลงในเวลาต่อมา 

หลังจากนั้นได้มีหลักฐานหลายอย่างปรากฏขึ้นมาดังเช่น หนังเรื่อง แอร์อเมริกัน ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงที่บริษัทเอกชนของสหรัฐฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซีไอเอ ของสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ให้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อโค่นล้มรัฐบาลไทย อย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง การโค่นล้มรัฐบาลไทยโดยอาศัยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งคนไทยไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุน ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ คนไทยทั้งประเทศรู้เพียงว่าผู้ช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์คือ มหามิตรสหรัฐอเมริกานั่นเอง เป็นเรื่องแปลกที่สหรัฐฯ ทั้งให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และให้การสนับสนุน การปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วย เรื่องอย่างนี้มีความหมายว่าอย่างไร หมายความว่าสหรัฐฯ สามารถทำได้ทุกอย่าง ดังเช่นกับกรณีภาคใต้ของไทยสหรัฐฯ ก็สามารถทำได้ใช่หรือไม่ คนไทยก็จะไม่มีวันรู้ว่า ใครทำใครอยู่เบื้องหลัง จะรู้อีกครั้งหนึ่งก็เมื่อเราสูญเสียอะไรต่อมิอะไรไปมากมามายแล้วเท่านั้น นี่คือตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ พ.ศ.๒๕๐๔ โดยนาย Lindon B. Johnson รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ต่อมาเป็นประธานาธิบดี) ทำแผนปฏิบัติการร่วมอย่างถาวรของสหรัฐ(ลับที่สุด) นำเสนอต่อ ประธานาธิบดี John F. Kenede ในเอกสารลับนั้นมีข้อความระบุว่า เราจะต้องสร้างสถานการณ์ สร้างภาพตัวศัตรูขึ้นมา แล้วยกขึ้นมาเป็นจุดสำหรับโฆษณาภายใต้สื่อสารการควบคุมของเรา และนำเอาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และระบบเศรษฐกิจอันทันสมัย ที่เราออกแบบไว้แทรกเข้าไป ใช้กับทางการตลาดและทางธุรกิจ (Enterprises) ของพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของเรา

“......ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลาง ของความต้องการอย่างแท้จริงของเรา ในพื้นที่บริเวณนี้ การปฏิบัติการอย่างตั้งใจจริง และประกอบด้วยความสามารถอย่างเปี่ยมล้น ที่จะเข้าควบคุมด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ วอชินตันอย่างใกล้ชิด....การตัดสินใจ การปฏิบัติการ และการดำเนินงานทุกด้านในภูมิภาคนี้ก็คืออย่างนี้ เราไม่สามารถจะอยู่รอดได้ด้วยการปฏิบัติการสนธิสัญญาใด ๆ ไม่สามารถจะยืนอยู่ได้ด้วยประเทศที่เป็นมิตรของเรา แต่เราต้องพุ่งตรงไปข้างหน้าและวิธีการหลัก(Key) ที่ต้องทำก็คือ ต้องเข้าควบคุม, วางโครงการ, บังคับ,และเอาผลประโยชน์ที่แน่นอน จากโครงการช่วยเหลือทั้งหลายของเรา โดยใช้หน่วยคณะที่ปรึกษาทางทหาร (MAAG.)เป็นส่วนเจาะนำหน้าเข้าไป....

(หลักฐาน....เอกสารลับสุดยอดMission to South East Asia, India, and PakKistan)นั่นแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยอีกต่อไป เรื่องราวที่เราคิดว่าสหรัฐฯจะไม่ทำสหรัฐฯ ย่อมทำได้หมด ดังที่ซุน วู กล่าวในเรื่อง การทำศึก บรรพที่ ๒ ในตำราพิชัยสงคราม ซุน วู ว่า“....หลักแห่งการบัญชาการทัพ อย่าหวังว่าข้าศึกไม่มา เราพึงเตรียมการให้พร้อม อย่าหวังข้าศึกไม่ตี
เราพึงทำให้มิอาจโจมตี ....ถ้านับว่าทุกเรื่องคือการสงคราม ธรรมชาติของการสงครามเป็นเช่นนี้ ผู้ที่จะเข้าสู่สงครามก็เปรียบเสมือนแม่ทัพบัญชาการศึกต้องไม่คิดว่าข้าศึกจะไม่มาต้องมีการเตรียมการให้พร้อมอยู่เสมอ ถ้าประชาชนคนไทยก็จะต้องคิดว่าสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะไม่เกิดผลร้ายต่อประเทศไทยนั้น 
แท้ที่จริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเรื่องเหมือนกัน

จากเอกสารลับของแพนตากอนปี พ.ศ.๒๕๐๘ ของ RoBert S. Macnamara http://en.wikipedia.org/wiki/Robert_MacNamara รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ ว่า

“.....ประเทศไทยเป็นประเทศเอกราชมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ไม่เหมือนกับประเทศเวียดนามที่มีความสำนึกในด้านชาตินิยมรุนแรง ประเทศไทยมีคอมมิวนิสต์ในประเทศ อยู่น้อยมาก (It has few domestic Communist)ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้ เราจะต้องตั้งหน้าตั้งตา พยายามทำให้ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นของเรา ที่มั่นคงเหมือนหินมิใช่กองทราย (A foundation of rock political a bed of sand) ซึ่งเราจะได้ใช้เป็นฐานทางการเมือง การทหาร การเศรษฐกิจ ในอันที่เราจะเข้าไปครอบคลุมเอเซีย....

หลักฐานเมื่อเดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๑๗ ว่า องค์กรCIA ได้ปลอมจดหมายให้กับ ผกค. ถึงนายกรัฐมนตรี นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อขอแบ่งแยกดินแดนภาคอิสาน เพื่อเป็นเขตปลดปล่อยปกครองตนเอง โดยระบอบคอมมิวนิสต์กรณีดังกล่าวนี้ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้เชิญ นายวิลเลี่ยม อาร์ ดินเนอร์ เอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อชี้แจงกรณี CIAปลอมจดหมาย ผกค. ดังกล่าว นายวิลเลี่ยม อาร์ ดินเน่อร์ ได้มีหนังสือขออภัยต่อนายกรัฐมนตรีไทยอย่างเป็นทางการ ต่อกรณีที่เกิดขึ้น และได้สั่งปิดสำนักงาน CIA ในจังหวัดสกลนคร และเจ้าหน้าที่ CIA ผู้กระทำความผิดฐานออกจดหมาย ผู้ก่อการร้ายถึงนายกรัฐมนตรีไทยนั้น ได้ส่งกลับอเมริกาไปแล้ว .. ?? ” ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะให้คนไทย

ที่เป็นเจ้าของประเทศ นักยุทธศาสตร์นักการทหาร ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศไปเคียดแค้นชิงชังใคร หรือประเทศใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นธรรมชาติที่ประเทศมหาอำนาจทุกประเทศจะต้องทำ ต่อประเทศที่เล็กกว่าและเป็นผลประโยชน์ของตน แต่ผู้เขียนเพียงมีความมุ่งหมายที่จะให้คนไทยทุกคน ที่กำลังอยู่ในวังวนของความเชื่อบางอย่างที่ไม่สามารถที่จะหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์ทางภาคใต้ของไทยเราว่า จะไปในทิศทางใด ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยไปเช่นนี้กาลจะบานปลายเลยเถิดไป จนถึงขั้นที่ประเทศที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นำพาองค์กรสหประชาชาติอันเป็นองค์กรที่สหรัฐฯ ควบคุมและชี้นำหรือแสวงประโยชน์ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อองค์การสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อนั้นประเทศมหาอำนาจดังกล่าวก็จะหาเหตุนานัปการที่จะสร้างสถานการณ์ให้ทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดก็จะกลายสภาพเป็นเหมือนดังเช่น ติมอร์ตะวันออก คือสหประชาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหา นำไปสู่การแบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ เจ้าของประเทศทำอะไรไม่ได้เหมือนดังเช่นอินโดนีเซีย ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มหาศาลคือสหรัฐฯ ที่ได้ทั้งการขยายอิทธิพลเข้าสู่ภูมิภาคนี้อีกครั้งหนึ่ง ขยายไปสู่การควบคุมช่องแคบมะละกาอย่างเบ็ดเสร็จ ควบคุมอินโดนีเซียได้ ควบคุมมาเลเซียได้ สิงคโปร์ไม่ต้องพูดถึงซึ่งควบคุมได้อยู่แล้ว จะนำไปสู่การต่อสู้กับพม่าอีกครั้งหนึ่งที่จะปิดล้อมจีน ทางด้านพม่าอีก ที่สำคัญคือการควบคุมทรัพยากรของไทยที่เพิ่งสำรวจพบใหม่ในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ( ต.ค.๒๕๔๗ ) การแก้ปัญหาด้านอิรักของสหรัฐฯ ก็ทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ

ที่ผู้เขียนกล่าวมาอย่างยืดยาวในเรื่องนี้เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่าใครทำอะไรกับเรา การใช้กลยุทธ์ ชิงตีตามไฟโดยประเทศมหาอำนาจสหรัฐฯ ที่ทำต่อเราและประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความระแวงสงสัยซึ่งกันและกันโดยอาศัยเหตุการณ์ภาคใต้ที่สหรัฐฯ เป็นผู้มีส่วนในการสร้างขึ้นมาเอง เมื่อต่างฝ่ายต่างระแวงสงสัยและฆ่าฟันกันเอง ต่างฝ่ายก็อ่อนเปลี้ย ผู้จะได้ประโยชน์คือผู้ที่สร้างสถานการณ์ ประโยชน์ที่จะได้รับก็คืออย่างน้อยที่สุดคือทรัพยากรในประเทศต่าง ๆ ทั้งในอินโดนีเซียที่ถูกคนไทย ระแวงสงสัยว่าให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย มาเลเซีย ก็ถูกคนไทยระแวงสงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อทุกประเทศในภูมิภาคต่างระแวงสงสัยซึ่งกันและกันไฟแห่งความเคียดแค้นซึ่งกันและกันก็เกิดขึ้น การเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผยก็ตามมา ผู้ที่สร้างสถานการณ์ก็จะเข้าโจมตีเพื่อแย่งยึดเอาผลประโยชน์ไป ดังกลยุทธ์ที่ว่า ชิงตีตามไฟผู้เขียนอยากจะอ้อนวอนคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหาย ให้กับประเทศชาติให้พึงระลึกถึงผลประโยชน์ของชาติอย่านึกถึงเพียงผลประโยชน์ของตนและกลุ่มตน ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอย่านึกว่าไม่มีใครรู้พฤติกรรมของท่าน ถ้าท่านไม่หยุดการกระทำตั้งแต่บัดนี้

เมื่อคนไทยทั้งประเทศรู้โดยทั่วกันท่านจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่

ถ้าจะพูดว่า ซีไอเอ ให้การสนับสนุนกลุ่มโจรพูโลในพื้นที่ภาคใต้ของเราจะมีคนคิดกันอย่างไร สิ่งไม่น่าเชื่อเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ .....ถ้าจะพูดว่าทุกคืนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ภาคใต้จะมี ฮ.จากทางด้านตะวันออก บินเลียบชายทะเลระยะความสูงที่ปลอดภัยจากการตรวจจับของเรดาร์ พอใกล้รุ่งสางก็บินกลับ ในวันรุ่งขึ้นเช้า ก็มีเหตุการณ์ทางภาคใต้ของไทย ถ้าพูดเช่นนี้จะมีคนคิดกันว่าอย่างไร .....ถ้ามีคนพูดว่ามีเรือดำน้ำสหรัฐฯ ดำน้ำลอยลำอยู่ในน่านน้ำใกล้กับที่เกิดเหตุในภาคใต้ของไทยอยู่คนไทยจะคิดกันอย่างไร.......ต้องคิดกันต่อไป

ในโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อพูดถึงผลประโยชน์แห่งชาติของตน การต่อสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ เหล่านั้นจะเป็นดังเช่นการทำสงคราม ฉะนั้นคู่สงครามจะกระทำต่อกันอย่างไม่มีความปราณี ถึงคราวเข่นฆ่าก็ต้องเข่นฆ่า ถึงคราวหักหลังก็ต้องหักหลัง ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรที่ปรากฏบนโลกนี้ ในเรื่องของผลประโยชน์แห่งชาติดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ดังเช่นคำกล่าวของซุน วู ในบทที่ ๘ ของ ตำราพิชัยสงครามของเขาเรื่อง กลยุทธ์แปรรูปว่า

จงปราบบรรดาอริราชศัตรูโดย
ทำความพินาศให้กับมัน
สร้างความลำบากยากแค้นให้กับมัน
ให้มันต้องวุ่นอยู่เสมอ
หยิบยื่นเหยื่อแห่งอามิสประโยชน์
ทำให้มันต้องรีบรุดไปยังจุดใด ๆ ที่เราประสงค์

กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า

เมื่อข้าศึกประสบกับความยากลำบากทั้งภายในและภายนอก จักต้องรุกโจมตีอย่างไม่ปรานี ฉวยโอกาสอันดีนี้ กระหน่ำซ้ำเติมอย่าให้ตั้งตัวติดและพิชิตเอาชัยอย่าได้ช้า”.



Source : http://porgorn0009.blogspot.my/2012/05/blog-post_8539.html?view=magazine

No comments:

Post a Comment