ส่วนที่ ๑
กลยุทธชนะศึก
เมื่อเมื่อยามเราเป็นฝ่ายเหนือกว่า
ก่อนอื่นจะต้องสยบข้าศึกลงไป
ใช้การรุกรบอย่างเป็นฝ่ายกระทำ
ทำสงครามด้วยรูปการที่เป็นผลดีที่สุด
กลยุทธ์ที่ ๕ ตีชิงตามไฟ
เมื่อศัตรูมีภัยใหญ่หลวง
ให้ฉกฉวยเอาประโยชน์ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อน
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า
เมื่อศัตรูอยู่ในภาวะวิกฤติ ควรฉวยโอกาสรุกรบโจมตีเพื่อให้ได้มา ซึ่งชัยชนะ
หรือให้ผู้เข้มแข็งออกโรงเข้าแทรกแซงให้ผู้อ่อนกว่ายอมสยบด้วยนี้ก็คือที่เรียกว่า “ใช้ความแกร่งพิชิตความอ่อน” ความหมายเดิมของ “
ตีชิงตามไฟ” คือ ในขณะที่ผู้อื่นถูกเพลิง
เผาผลาญห่วงแต่ตัวเอง ไม่ว่างกับเรื่องอื่น
ก็ฉวยโอกาสแย่งชิงเอาของของผู้นั้นมาหรือ
ในขณะที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายหรือในความยากลำบาก
ก็รุกล้ำเอาผลประโยชน์ของผู้นั้นมา เมื่อนำมาใช้ในการทหาร
ก็คือสิ่งที่ตำราพิชัยสงครามของ “ ซุน วู ว่าด้วยอุบาย”
กล่าวไว้ว่า
“ ชิงเอาในยามปั่นป่วน” หรือที่ “ว่าด้วยอุบาย” ของตู้มู่
นักการทหารอีกคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ เมื่อข้าศึกวุ่นวายปั่นป่วน
อาจฉวยโอกาสช่วงชิงมาได้” กลยุทธ์นี้
แต่เดิมมาจากตำราพิชัยสงครามของ ซุน วู “
ว่าด้วยอุบาย” ที่กล่าวไว้ว่า “ ชิงเอาในยามปั่นป่วน” ฉะนั้น
กลยุทธ์นี้จึงเป็นกโลบายที่ฉวยโอกาสในยามที่ข้าศึกอยู่ในภาวะวิกฤต
เข้ารุกรบโจมตีอย่างหนึ่ง ที่กล่าวว่า
“ เมื่อข้าศึกมีภัยมหันต์
ให้ฉกฉวยเอาประโยชน์” มิได้จำกัดอยู่แต่เพียงในด้านการทหารหากจะนำไปใช้ได้ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและอื่น ๆ
อย่างกว้างขวาง จะได้ผลหรือไม่อย่างใดก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ในบางครั้งยังอาจจะใช้วิธีการต่าง ๆ
ทำให้ข้าศึกเกิดวิกฤติ ให้เกิดความระแวงสงสัยในกันและกันตอกย้ำความประหวั่นพรั่นพรึงทางจิตใจให้หนักหน่วงยิ่งขึ้นเพื่อบั่นทอนพลังสู้รบของข้าศึก
เป็นต้น
หลังจากนั้นจึงฉวยโอกาสชิงเอาชัย
นี่ก็นับอยู่ในการใช้กลยุทธ์นี้ด้วย ตัวอย่างเหตุการณ์ภาคใต้ของประเทศไทย ดังที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นทางภาคใต้ของประเทศไทย
ซึ่งเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๔๗
คือการปล้นค่ายทหาร
สังหารทหารยามและนำปืนออกจากค่ายทหารทางภาคใต้ของไทยอย่างอุกอาจ
ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ที่แม้กระทั่งครั้งที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในยุคสงครามเย็น
ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญของทหารไทยและชาวไทยเช่นนี้มาก่อน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
อย่างไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น
ถ้านับจากสถานการณ์ที่มีการยุติการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์และการเข้าร่วม
พัฒนาชาติไทยของกลุ่มก่อการร้ายต่าง ๆ ทั่วประเทศรวมทั้งทางภาคใต้ด้วยเหตุการณ์ทางภาคใต้ สงบเรียบร้อยมาโดยตลอด จนกระทั่งมีเหตุให้มีการยุบ
ศอบต.ในเวลาต่อมา
จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ภาคใต้ ไม่ได้มีอะไรอีกเลย
ประชาชนชาวใต้ก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะแยกตัวออกเป็นอิสระหรือเป็นประเทศอิสระแต่ประการใด
อีกทั้งเมื่อชาวมุสลิมทั่วโลกมีความเกรงกลัวจากการถูกประณามว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
การก่อการร้ายทั่วโลกด้วยแล้ว
ชาวมุสลิมเองก็ต้องการที่จะทำให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ที่ชาวโลกเห็นเช่นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการใส่ร้ายจากฝ่ายตรงข้ามของชาวมุสลิมทั้งนั้น
ถ้าชาวมุสลิม
จะสนับสนุนชาวมุสลิมด้วยกันให้ก่อการร้ายร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมก็ยิ่งเป็นการฆ่าตนเองไปทุกวัน
ซึ่งไม่มีเหตุผลที่จะกระทำเช่นนั้นโดยแท้ อีกทั้ง อิรัก ก็ถูกสหรัฐฯ
ยึดครองไปแล้วเรียบร้อย ซีเรียก็ประกาศตนเองเรียบร้อย
เช่นเดียวกันว่าสนับสนุนผู้ก่อการร้ายไม่ได้เพราะสหรัฐฯ
จะหาเหตุเข้าโจมตีซีเรียอีก ซีเรียจึงจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้สหรัฐฯ หาเหตุเข้าโจมตีตนได้
ต้องถอยห่างจากการก่อการร้ายทั้งทางลับและเปิดเผย ส่วนประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ
ก็อยู่ในอาณัติของสหรัฐฯ จนสิ้น
ถ้ามีข่าวคราวใด ที่ซีไอเอ อันเป็นองค์กรที่รู้เรื่องการก่อการร้ายดีที่สุดในโลกอยู่ในขณะนี้ก็จะสามารถพิสูจน์ทราบได้ในทันที
จึงเป็นไปไม่ได้อีกโดยแท้ที่ประเทศในตะวันออกกลาง
จะให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในประเทศไทย เพราะเหตุผลล้วนฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น
ถ้าจะว่าชาวมุสลิมอินโดนีเซีย สนับสนุน
ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกที่จะทำ
เพราะอินโดนีเซียก็มีปัญหาของตนเองไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการพยายามแบ่งแยกดินแดนของชนกลุ่มน้อยที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
ที่ต้องการจะทำลายความเป็นเอกภาพของอินโดนีเซีย เพื่อผลทางด้านทรัพยากร
ผลด้านศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
เหตุผลด้านการช่วยเหลือชนเผ่าเดียวกันคือออสเตรเลียที่ถือว่าอินโดนีเซียเป็นภัยคุกคาม
ที่อันตรายที่สุดของตน การช่วยเหลือออสเตรเลียเช่นนี้ก็จะทำให้สหรัฐฯ
มีอิทธิพลเข้าครอบงำออสเตรเลียได้ โดยปริยายเช่นเดียวกัน
หรือไม่ก็เรื่องผลประโยชน์ร่วมอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งเมื่ออินโดนีเซียมีปัญหาเช่นนี้
จะด้วยเหตุผลอันใดที่อินโดนีเซียจะมาสนับสนุนชาวมุสลิมภาคใต้ของไทยให้ลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจรัฐ
ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน
แล้วถ้าอินโดนีเซียจะทำก็ควรเลือกทำในช่วงที่ตนมีเอกภาพมากที่สุดไม่ดีกว่าหรือ คือในยุคที่ซูฮาร์โต้เรืองอำนาจ
ซึ่งซูฮาร์โต้ถึงขั้นเข้ายึดติมอร์ตะวันออกได้ ถ้าอยากได้ภาคใต้ของไทยก็ทำในช่วงนั้น จะมีเหตุผลมากกว่าว่าซูฮาร์โต้ต้องการขยายอำนาจของตนซึ่งก็ไม่มีเกิดขึ้น
ถ้าเป็นมาเลเซียจะให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีกเพราะมาเลเซียก็เพิ่งเปลี่ยนผู้นำที่เข้มแข็งที่สุดไป คนที่มาเป็นผู้นำมาเลเซียคนต่อมาก็ไม่ได้มีความหิวกระหายที่จะขยายอำนาจของตนเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์กันด้วยเหตุด้วยผลก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีเหตุผลอันควรที่ผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทยจะได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศเพื่อทำลายความเป็นเอกภาพของประเทศไทยได้
ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นใคร ที่สร้างเรื่องราวขึ้นมาให้ประเทศไทยมีความวุ่นวายและสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร
จะเห็นได้ว่าเรื่องราวทางภาคใต้ของไทยประทุขึ้นหลังจากที่ทหารไทยเสียชีวิตในอิรัก
๒ นาย เหตุการณ์ห่างกันเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเองจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องราวของทั้งสองพื้นที่มีความเกี่ยวข้องกัน
ถ้าไม่มีก็คือไม่มี
แต่ถ้าคิดแบบนักยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ดังที่ซุน
วู กล่าวไว้ว่า“ ....การสงครามทั้งหลายอยู่บนพื้นฐานของการลวง....”
ทุกอย่างถ้าเป็นการต่อสู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ในเวทีนานาชาติด้วยแล้วการลวงจะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางยากที่จะเข้าใจได้ด้วยการคิดเพียงแค่ชั้นเดียว ดังที่ทราบกันแล้วว่า
สถานการณ์ในอิรักขณะนั้น สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สหรัฐฯต้องการพันธมิตรเข้าไปช่วยพยุงฐานะตนในอิรัก
ฝ่ายที่ให้การสนับสนุนการต่อต้านสหรัฐฯ ในอิรักก็คงเป็นฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ
ยึดครองอิรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศมหาอำนาจทั้งหลายย่อมไม่ปล่อยให้สหรัฐฯ
กลืนกินสหรัฐฯ อย่างคล่องคอเพราะนั่นหมายถึงผลประโยชน์มหาศาลของมหาอำนาจเหล่านั้น
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะจัดให้มีกลุ่มต่อต้านขึ้นในอิรัก จึงทำให้ทหารสหรัฐฯ
ในช่วงนั้นถูกโจมตีและเสียชีวิตไม่เว้นแต่ละวันดังที่ปรากฏในข่าว การสูญเสียชีวิตของทหารไทยในอิรักจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลไทยตัดสินใจถอนทหารออกจากอิรักได้
การสร้างเหตุการณ์ในภาคใต้ให้เห็นว่าผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางเป็นต้นเหตุจะช่วยสร้างความโกรธแค้นให้กับคนไทย
และทำให้รัฐบาลไทยในขณะนั้นมีความชอบธรรมในการที่จะดำรงกำลังทหารไว้ในอิรักต่อไป
เกมทางภาคใต้ของไทยจึงมีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ในอิรักอย่างแน่นแฟ้น
และมีความสัมพันธ์กับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างแน่นแฟ้นเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ ๔ มกราคม ๒๕๔๗ ตามมาด้วย เหตุการณ์ย่อย ๆ
อีกมากมายทำให้คนไทยเห็นจริงว่าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นจริง
ทุกฝ่ายไม่ได้มีความสงสัยเป็นอย่างอื่นนอกจากพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าชาวมุสลิมต้องการจะแบ่งแยกดินแดน
หลังจากนั้นได้มีเหตุการณ์ย่อย ๆ
ตามขึ้นมาเพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการของสถานการณ์ที่มีการทวีความรุนแรง
ขึ้นมาโดยตลอด มีการปล้นชิง มีการเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีการท้าทายอำนาจรัฐนานัปการ
ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์วันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ ซึ่งมีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากกว่าหนึ่งร้อยคน สถานการณ์ยิ่งบานปลายหนักขึ้นอีกโดยลำดับ
จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ มีการชุมนุมประท้วง ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาอีก ๘๔ ศพ ความรุนแรงเช่นนี้
เป็นที่น่าประหลาดมากที่ไม่สามารถที่จะหาผู้อยู่เบื้องหลังได้อย่างแท้จริง
ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถ ที่จะกำหนดวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างได้ผล
สายงานด้านการข่าวทุกสายงุนงง แต่เมื่อหาหลักฐานใด ๆ ไม่ได้
ก็มาลงที่ชาวมุสลิมที่ต้องการจะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งได้กล่าวตั้งแต่ต้นแล้วว่า
ไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่ชาวมุสลิม จะทำเช่นนั้น
มีตัวอย่างอยู่ตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนอยากจะนำมาเทียบเคียงเพื่อเป็นอุทาหรณ์เปรียบเทียบกับเรื่องดังกล่าวนี้คือ ในยุคสงครามเย็นที่คนไทยต่างต่อสู้ประหัตประหารกันล้มตายมากมาย
คนไทยในยุคนั้นเข้าใจกันอย่างเดียวว่า
ผู้ที่รุกรานคือภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ใครที่มีความเลื่อมในศรัทธาในลัทธิคอมมิวนิสต์ต้องถูกสังหารให้สิ้น
ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ในเวลาต่อมาหลังจากที่มีการเข่นฆ่ากันระหว่างคนไทยมากมายแล้วปรากฏว่า
การยุติสงครามได้เกิดขึ้นจากการเจรจาให้ฝ่ายจีนระงับการช่วยเหลือสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
ทำให้การต่อสู้จบสิ้นลงในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นได้มีหลักฐานหลายอย่างปรากฏขึ้นมาดังเช่น หนังเรื่อง แอร์อเมริกัน
ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงที่บริษัทเอกชนของสหรัฐฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซีไอเอ
ของสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย
คอมมิวนิสต์ให้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อโค่นล้มรัฐบาลไทย
อย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง การโค่นล้มรัฐบาลไทยโดยอาศัยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
ซึ่งคนไทยไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุน ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
คนไทยทั้งประเทศรู้เพียงว่าผู้ช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์คือ
มหามิตรสหรัฐอเมริกานั่นเอง เป็นเรื่องแปลกที่สหรัฐฯ ทั้งให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และให้การสนับสนุน
การปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วย เรื่องอย่างนี้มีความหมายว่าอย่างไร
หมายความว่าสหรัฐฯ สามารถทำได้ทุกอย่าง ดังเช่นกับกรณีภาคใต้ของไทยสหรัฐฯ
ก็สามารถทำได้ใช่หรือไม่ คนไทยก็จะไม่มีวันรู้ว่า ใครทำใครอยู่เบื้องหลัง
จะรู้อีกครั้งหนึ่งก็เมื่อเราสูญเสียอะไรต่อมิอะไรไปมากมามายแล้วเท่านั้น
นี่คือตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง
อีกตัวอย่างหนึ่งคือ พ.ศ.๒๕๐๔
โดยนาย Lindon B. Johnson รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
(ต่อมาเป็นประธานาธิบดี) ทำแผนปฏิบัติการร่วมอย่างถาวรของสหรัฐ(ลับที่สุด)
นำเสนอต่อ ประธานาธิบดี John F. Kenede ในเอกสารลับนั้นมีข้อความระบุว่า
“ เราจะต้องสร้างสถานการณ์ สร้างภาพตัวศัตรูขึ้นมา
แล้วยกขึ้นมาเป็นจุดสำหรับโฆษณาภายใต้สื่อสารการควบคุมของเรา
และนำเอาเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และระบบเศรษฐกิจอันทันสมัย
ที่เราออกแบบไว้แทรกเข้าไป ใช้กับทางการตลาดและทางธุรกิจ (Enterprises) ของพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ของเรา”
“......ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลาง
ของความต้องการอย่างแท้จริงของเรา ในพื้นที่บริเวณนี้ การปฏิบัติการอย่างตั้งใจจริง
และประกอบด้วยความสามารถอย่างเปี่ยมล้น ที่จะเข้าควบคุมด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร
จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ “วอชินตัน”
อย่างใกล้ชิด....การตัดสินใจ การปฏิบัติการ
และการดำเนินงานทุกด้านในภูมิภาคนี้ก็คืออย่างนี้ เราไม่สามารถจะอยู่รอดได้ด้วยการปฏิบัติการสนธิสัญญาใด ๆ
ไม่สามารถจะยืนอยู่ได้ด้วยประเทศที่เป็นมิตรของเรา แต่เราต้องพุ่งตรงไปข้างหน้าและวิธีการหลัก(Key)
ที่ต้องทำก็คือ ต้องเข้าควบคุม, วางโครงการ,
บังคับ,และเอาผลประโยชน์ที่แน่นอน จากโครงการช่วยเหลือทั้งหลายของเรา
โดยใช้หน่วยคณะที่ปรึกษาทางทหาร (MAAG.)เป็นส่วนเจาะนำหน้าเข้าไป....”
(หลักฐาน....เอกสารลับสุดยอดMission
to South East Asia, India, and PakKistan)นั่นแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ
ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยอีกต่อไป เรื่องราวที่เราคิดว่าสหรัฐฯจะไม่ทำสหรัฐฯ ย่อมทำได้หมด ดังที่ซุน วู
กล่าวในเรื่อง การทำศึก บรรพที่ ๒ ในตำราพิชัยสงคราม ซุน วู ว่า“....หลักแห่งการบัญชาการทัพ
อย่าหวังว่าข้าศึกไม่มา เราพึงเตรียมการให้พร้อม อย่าหวังข้าศึกไม่ตี
เราพึงทำให้มิอาจโจมตี ....”
ถ้านับว่าทุกเรื่องคือการสงคราม ธรรมชาติของการสงครามเป็นเช่นนี้ ผู้ที่จะเข้าสู่สงครามก็เปรียบเสมือนแม่ทัพบัญชาการศึกต้องไม่คิดว่าข้าศึกจะไม่มาต้องมีการเตรียมการให้พร้อมอยู่เสมอ
ถ้าประชาชนคนไทยก็จะต้องคิดว่าสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะไม่เกิดผลร้ายต่อประเทศไทยนั้น
แท้ที่จริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเรื่องเหมือนกัน
จากเอกสารลับของแพนตากอนปี พ.ศ.๒๕๐๘ ของ RoBert
S. Macnamara http://en.wikipedia.org/wiki/Robert_MacNamara รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ ว่า
“.....ประเทศไทยเป็นประเทศเอกราชมีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ไม่เหมือนกับประเทศเวียดนามที่มีความสำนึกในด้านชาตินิยมรุนแรง
ประเทศไทยมีคอมมิวนิสต์ในประเทศ อยู่น้อยมาก (It has few domestic
Communist)ไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้
เราจะต้องตั้งหน้าตั้งตา พยายามทำให้ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นของเรา ที่มั่นคงเหมือนหินมิใช่กองทราย (A
foundation of rock political a bed of sand) ซึ่งเราจะได้ใช้เป็นฐานทางการเมือง การทหาร การเศรษฐกิจ
ในอันที่เราจะเข้าไปครอบคลุมเอเซีย....”
หลักฐานเมื่อเดือน มกราคม
พ.ศ.๒๕๑๗ ว่า “ องค์กรCIA ได้ปลอมจดหมายให้กับ ผกค. ถึงนายกรัฐมนตรี นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อขอแบ่งแยกดินแดนภาคอิสาน
เพื่อเป็นเขตปลดปล่อยปกครองตนเอง โดยระบอบคอมมิวนิสต์”
กรณีดังกล่าวนี้ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้เชิญ นายวิลเลี่ยม อาร์
ดินเนอร์ เอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อชี้แจงกรณี CIAปลอมจดหมาย ผกค. ดังกล่าว นายวิลเลี่ยม อาร์ ดินเน่อร์ ได้มีหนังสือขออภัยต่อนายกรัฐมนตรีไทยอย่างเป็นทางการ
ต่อกรณีที่เกิดขึ้น และได้สั่งปิดสำนักงาน CIA ในจังหวัดสกลนคร
และเจ้าหน้าที่ CIA ผู้กระทำความผิดฐานออกจดหมาย
ผู้ก่อการร้ายถึงนายกรัฐมนตรีไทยนั้น ได้ส่งกลับอเมริกาไปแล้ว .. ?? ” ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะให้คนไทย
ที่เป็นเจ้าของประเทศ
นักยุทธศาสตร์นักการทหาร ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศไปเคียดแค้นชิงชังใคร
หรือประเทศใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เป็นธรรมชาติที่ประเทศมหาอำนาจทุกประเทศจะต้องทำ
ต่อประเทศที่เล็กกว่าและเป็นผลประโยชน์ของตน แต่ผู้เขียนเพียงมีความมุ่งหมายที่จะให้คนไทยทุกคน
ที่กำลังอยู่ในวังวนของความเชื่อบางอย่างที่ไม่สามารถที่จะหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์ทางภาคใต้ของไทยเราว่า
จะไปในทิศทางใด
ผู้เขียนเชื่อว่าถ้าปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยไปเช่นนี้กาลจะบานปลายเลยเถิดไป
จนถึงขั้นที่ประเทศที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นำพาองค์กรสหประชาชาติอันเป็นองค์กรที่สหรัฐฯ
ควบคุมและชี้นำหรือแสวงประโยชน์ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อองค์การสหประชาชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อนั้นประเทศมหาอำนาจดังกล่าวก็จะหาเหตุนานัปการที่จะสร้างสถานการณ์ให้ทวีความรุนแรงขึ้น
ในที่สุดก็จะกลายสภาพเป็นเหมือนดังเช่น ติมอร์ตะวันออก
คือสหประชาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหา นำไปสู่การแบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ
เจ้าของประเทศทำอะไรไม่ได้เหมือนดังเช่นอินโดนีเซีย
ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มหาศาลคือสหรัฐฯ
ที่ได้ทั้งการขยายอิทธิพลเข้าสู่ภูมิภาคนี้อีกครั้งหนึ่ง
ขยายไปสู่การควบคุมช่องแคบมะละกาอย่างเบ็ดเสร็จ ควบคุมอินโดนีเซียได้
ควบคุมมาเลเซียได้ สิงคโปร์ไม่ต้องพูดถึงซึ่งควบคุมได้อยู่แล้ว
จะนำไปสู่การต่อสู้กับพม่าอีกครั้งหนึ่งที่จะปิดล้อมจีน ทางด้านพม่าอีก
ที่สำคัญคือการควบคุมทรัพยากรของไทยที่เพิ่งสำรวจพบใหม่ในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
( ต.ค.๒๕๔๗ ) การแก้ปัญหาด้านอิรักของสหรัฐฯ ก็ทำได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ที่ผู้เขียนกล่าวมาอย่างยืดยาวในเรื่องนี้เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่าใครทำอะไรกับเรา
การใช้กลยุทธ์ “ ชิงตีตามไฟ” โดยประเทศมหาอำนาจสหรัฐฯ ที่ทำต่อเราและประเทศเพื่อนบ้าน
ให้มีความระแวงสงสัยซึ่งกันและกันโดยอาศัยเหตุการณ์ภาคใต้ที่สหรัฐฯ
เป็นผู้มีส่วนในการสร้างขึ้นมาเอง เมื่อต่างฝ่ายต่างระแวงสงสัยและฆ่าฟันกันเอง
ต่างฝ่ายก็อ่อนเปลี้ย ผู้จะได้ประโยชน์คือผู้ที่สร้างสถานการณ์ ประโยชน์ที่จะได้รับก็คืออย่างน้อยที่สุดคือทรัพยากรในประเทศต่าง
ๆ ทั้งในอินโดนีเซียที่ถูกคนไทย
ระแวงสงสัยว่าให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย มาเลเซีย
ก็ถูกคนไทยระแวงสงสัยเช่นเดียวกัน
เมื่อทุกประเทศในภูมิภาคต่างระแวงสงสัยซึ่งกันและกันไฟแห่งความเคียดแค้นซึ่งกันและกันก็เกิดขึ้น
การเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผยก็ตามมา
ผู้ที่สร้างสถานการณ์ก็จะเข้าโจมตีเพื่อแย่งยึดเอาผลประโยชน์ไป ดังกลยุทธ์ที่ว่า “
ชิงตีตามไฟ” ผู้เขียนอยากจะอ้อนวอนคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหาย
ให้กับประเทศชาติให้พึงระลึกถึงผลประโยชน์ของชาติอย่านึกถึงเพียงผลประโยชน์ของตนและกลุ่มตน
ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอย่านึกว่าไม่มีใครรู้พฤติกรรมของท่าน
ถ้าท่านไม่หยุดการกระทำตั้งแต่บัดนี้
เมื่อคนไทยทั้งประเทศรู้โดยทั่วกันท่านจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่
ถ้าจะพูดว่า ซีไอเอ
ให้การสนับสนุนกลุ่มโจรพูโลในพื้นที่ภาคใต้ของเราจะมีคนคิดกันอย่างไร
สิ่งไม่น่าเชื่อเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่
.....ถ้าจะพูดว่าทุกคืนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ภาคใต้จะมี ฮ.จากทางด้านตะวันออก
บินเลียบชายทะเลระยะความสูงที่ปลอดภัยจากการตรวจจับของเรดาร์
พอใกล้รุ่งสางก็บินกลับ ในวันรุ่งขึ้นเช้า ก็มีเหตุการณ์ทางภาคใต้ของไทย
ถ้าพูดเช่นนี้จะมีคนคิดกันว่าอย่างไร .....ถ้ามีคนพูดว่ามีเรือดำน้ำสหรัฐฯ
ดำน้ำลอยลำอยู่ในน่านน้ำใกล้กับที่เกิดเหตุในภาคใต้ของไทยอยู่คนไทยจะคิดกันอย่างไร.......ต้องคิดกันต่อไป
ในโลกแห่งความเป็นจริงเมื่อพูดถึงผลประโยชน์แห่งชาติของตน
การต่อสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ
เหล่านั้นจะเป็นดังเช่นการทำสงคราม
ฉะนั้นคู่สงครามจะกระทำต่อกันอย่างไม่มีความปราณี ถึงคราวเข่นฆ่าก็ต้องเข่นฆ่า
ถึงคราวหักหลังก็ต้องหักหลัง ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรที่ปรากฏบนโลกนี้
ในเรื่องของผลประโยชน์แห่งชาติดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ดังเช่นคำกล่าวของซุน วู
ในบทที่ ๘ ของ ตำราพิชัยสงครามของเขาเรื่อง กลยุทธ์แปรรูปว่า
จงปราบบรรดาอริราชศัตรูโดย
ทำความพินาศให้กับมัน
สร้างความลำบากยากแค้นให้กับมัน
ให้มันต้องวุ่นอยู่เสมอ
หยิบยื่นเหยื่อแห่งอามิสประโยชน์
ทำให้มันต้องรีบรุดไปยังจุดใด ๆ
ที่เราประสงค์
กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
“เมื่อข้าศึกประสบกับความยากลำบากทั้งภายในและภายนอก
จักต้องรุกโจมตีอย่างไม่ปรานี ฉวยโอกาสอันดีนี้
กระหน่ำซ้ำเติมอย่าให้ตั้งตัวติดและพิชิตเอาชัยอย่าได้ช้า”.
Source : http://porgorn0009.blogspot.my/2012/05/blog-post_8539.html?view=magazine
No comments:
Post a Comment