Saturday, March 27, 2021

ส่วนที่ ๓

กลยุทธ์เข้าตี
เมื่อสองฝ่ายเริ่มรบด้วยกลศึก พึ่งใช้ทุกมาตรการ
ถือเพทุกบายเป็นวิถี เอาชนะด้วยเล่ห์กล

กลยุทธ์ที่ ๑๔ ยืมซากคืนชีพ


ผู้ที่ใช้ได้ ไม่ควรใช้ ผู้ที่ใช้ไม่ได้ พึงใช้ ใช้ผู้ที่ใช้ไม่ได้ มิใช่เราต้องการเด็กไร้เดียงสา เด็กไร้เดียงสาต้องการเรา

กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ผู้ที่มีความสามารถและมีบทบาทนั้น จะใช้อย่างผลีผลามมิได้ ส่วนผู้ที่ไร้ความสามารถ ก็มักจะมาขอความช่วยเหลือจากเรา การใช้ผู้ที่ไร้ความสามารถ มิใช่เพราะว่าเราต้องการจะใช้เขา หากแต่เพราะ
เขาต้องการพึ่งเรา คำว่า เด็กไร้เดียงสา” มาจาก “ คัมภีร์อี้จิง ไร้เดียงสา” “ ยืมซากศพคืนชีพ” ความหมายเดิม เปรียบกับของที่ตายแล้ว แต่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่โดยใช้อีกรูปแบบหนึ่ง แต่เมื่อใช้ในสงครามหรือในการต่อสู้อื่นใด ก็หมายถึงกลยุทธ์การใช้พลังที่สามารถจะใช้ได้ทั้งปวงมาบรรลุซึ่งเจตนารมณ์ของเราอย่างหนึ่ง

ในประวัติศาสตร์แต่กาลก่อน ในระหว่างการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน จักมีผู้แกล้วกล้าตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นมากมาย ซึ่งมักจะแอบอ้างพระนามของกษัตริย์และรัชทายาทที่สูญชาติเป็นเครื่องมือ ป่าวร้องชักชวนให้กู้ชาติแล้ว ได้ชาติไปครองในภายหลัง นี่ก็คือการใช้กลยุทธ์ข้างต้น การใช้กำลังสนับสนุนผู้อื่นเข้าโจมตีหรือป้องกันแทนเขา โดยที่มีเจตนาจะเข้าควบคุมผู้นั้น ก็นับอยู่ในกลยุทธ์นี้เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้คือ การยืมซากของซัดดัม ฮุสเซน คืนชีพเพื่อสร้างสงครามอ่าวเมื่อปี ๒๕๓๔ และ ๒๕๔๖ โดยสหรัฐอเมริกา ซัดดัม ฮุสเซน ข้อมูลจากรายงานข่าวของฝรั่ง ซัดดัมร้ายกาจไปหมด เขาเกิดในครอบครัวชาวนา ที่ยากจนที่หมู่บ้านชื่อไทกริต ห่างจากแบกแดดไปทางเหนือ ๑๐๐ ไมล์ บิดาชื่อ ฮุสเซน อัล- มาจิด ตายเสียตั้งแต่เขาเกิด มาดาชื่อสุภา ( Subha ) ได้แต่งงานใหม่กับชาวนาชื่อ อิบราฮิม ฮัสซัน ซึ่งเกลียดลูกเลี้ยงมากเพราะดื้อเหลือเกิน จึงเฆี่ยนตีซัดดัมอย่างทารุณจนต้องหนีเตลิดออกจากบ้านไปตั้งแต่อายุได้ ๘ ขวบ

นักข่าวไปสืบประวัติของซัดดัมที่โรงเรียนเก่า ปรากฏว่า ซัดดัมเป็นเด็กที่มีผลการเรียนปานกลาง เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า ความฝันของพวกเด็ก ๆ ที่นั่นคือโตขึ้นจะเป็นครู มีซัดดัมคนเดียวที่คิดแบบผู้ใหญ่ว่า คนอิรักลำบากมาก โตขึ้นเขาจะทำให้อิรักพ้นจากความยากจนและความล้าหลัง

เมื่อเป็นวันรุ่น เขาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคบาธ ครั้นอายุได้ ๒๒ ปีเขาระหกระเหินไปแบกแดด เข้าเรียนหนังสือได้เล็กน้อย และได้คบคิดกับเพื่อนจะฆ่าอับดุลการิม กาสเซ็มนายกรัฐมนตรี ซัดดัมถูกยิงที่ขาซ้าย จนต้องหนีไปรักษาตัวอยู่อียิปต์ เมื่อกลับมาอิรักในปี ๑๙๖๓ นายกฯ กาสเซ็มถูกฆ่าตาย เขาถูกจับขังคุกเพราะ อยู่เบื้องหลังการล้มล้างรัฐบาล แต่ก็หนีออกจากคุกมาได้ จนกระทั่งพรรคบาธขึ้นครองอำนาจ ซัดดัมจึงผงาดออกมา

ในฐานะบุรุษผู้เก่งกล้า เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี ๑๙๗๙ และพยายามนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในหลายด้าน เช่น สร้างถนน สะพาน โรงพยาบาลและโรงเรียน ผู้คนที่ไปอยู่ต่างประเทศต่างหวนกลับมาอิรักใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อติดเขี้ยวเล็บให้แก่ประเทศ เขาสั่งสะสมอาวุธทุกรูปแบบรวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ เคมี และอาวุธเชื้อโรค เขาเสพติดความมีอำนาจ จึงทำทุกรูปแบบให้ฝ่ายค้านกลัว

ด้วยการกวาดล้างผู้มีปฏิกิริยาเป็นพันๆ คน ฉายวีดีโอแสดงการฆ่าผู้ต่อต้านอย่างโหดเหี้ยมให้ประชาชนดู ผู้คนจึงกลัวหัวหดไม่กล้าหือ ชุมชนรัฐเกอร์ดิชที่คิดแยกตัวไป ถูกฆ่าด้วยแก๊สพิษตายหลายหมื่นคน ขณะเดียวกันแทบทุกตารางเมตรมีรูปของซัดดัมติดไว้เต็ม เพื่อเผยแพร่วีรกรรมที่ทำเพื่อประเทศชาติ

ไม่เพียงแต่นั้นแม้แต่ในครอบครัวของเขาเอง รานา,ลูกสาว กับกามาล ลูกเขย ทนความร้ายกาจไม่ไหวหนีไปจอร์แดนและเปิดเผยเรื่องอาวุธของพ่อตา เขาก็ทำเป็นไม่ถือสา บอกให้กลับมาบ้านเถิด พ่ออาจผิดเอง แต่พอเครื่องลง ปรากฏว่ากามาลและพี่น้องตายหมู่คาสนามบิน โซเฟีย.มารดาของกามาล ร้องไห้คร่ำครวญว่าเธอไม่ได้เห็นศพลูกเลย ซัดดัมจึงใช้มีดแทงเธอจนตาย อ้างว่าเธอตำหนิเขา

รอล์ฟ เอคเคิส หัวหน้าคณะผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติระบุว่า การสร้างศัตรูรอบตัว ทำให้เขาตกอยู่ในโลกแห่งความกลัว จึงมีองครักษ์ถึง ๔๐ คน และมีการสร้างตัวปลอมขึ้นมาหลายคน ต้องจ้างคนชิมอาหารเพราะกลัวถูกวางยาพิษ ย้ายที่นอนทุกคืนและหลับไม่เคยเต็มอิ่มใครก็ตามที่เข้าพบ จะต้องถูกล้างมือฆ่าเชื้อโรค เขาคิดว่าทุกคนมุ่งทำร้ายเพราะได้ค่าหัวจากสหรัฐอเมริกา 

ชีวิตส่วนตัวใช้“ ไวอากร้า “” มีเมีย ๔ คน คือ ๑. ซาจิดา ๒. ซามีรา แอร์โฮสเตสสายการบินอิรักกี ๓. เนคฮาลดาวเต้น ๔. ไอมาน วัน ๒๗ ที่เพิ่งแต่ง ต่อมามีสาวกรีกชื่อ “ ปารีซูลา “ อ้างกับ ABC NEWS ว่าเธอเป็นเมียน้อยของเขามา ๓๐ กว่าปี เขาตั้งยูเดย์ ลูกชายคนโต ขึ้นเป็นทายาททางการเมือง ซัดดัมย้อมผมสำดำสนิท (Jet Black )

สูบซิการ์จากคิวบา ดื่ม Johny Walker Blue Label on the Rocks ชอบเพลง Strangers in the night ของแฟรงก์ สินาตรา โปรดปรานหนังสือเรื่อง Godfather เป็นพิเศษ

หลังทำสงคราม ๘ ปีกับอิหร่าน เขาหันไปรุกรานคูเวต ชีวิตประจำวันจึงต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ กลัวถูกทำร้าย คนอิรักเล่าว่าหากทหารอเมริกันบุกเกือบถึงตัว อวสานของเขาก็เหมือนฮิตเลอร์ คือ ตายในบังเกอร์ แต่โดยความเป็นจริงแล้วถ้าศึกษาประวัติของ ซัดดัม ฮุสเซน อย่างมีใจเป็นกลางแล้วจะเห็นได้ว่า เขาผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถและเป็นวีระบุรุษของชาวอิรักเลยทีเดียว จนกระทั่งเมื่อคราวที่สหรัฐฯ
ต้องการที่จะหาใครสักคนหนึ่งที่จะสร้างสงครามกับอิหร่านให้ได้ เขาผู้นั้นที่ถูกเลือกคือ ซัดดัม ฮุสเซน นั่นเอง

ด้วยความต้องการที่จะรักษาอำนาจของตนให้คงทนถาวรตามแบบอย่างของนักปกครองแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยข้อเสนอที่จะค้ำบัลลังก์ให้โดยสหรัฐฯ ซึ่งมีข้อแลกเปลี่ยนคือการนำอิรักเข้าทำสงครามกับอิหร่าน ในปี ๒๕๒๓ เมื่อสงครามดำเนินไปจนถึง ปี๒๕๓๑ ปรากฏว่าผู้ที่ขายอาวุธให้ทั้งสองฝ่ายอันเป็นผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจกลายเป็นอดีตสหภาพโซเวียตและจีน สหรัฐฯ ได้ทำเพียงการให้การสนับสนุนอิรักในโครงการต่าง ๆเกี่ยวกับการผลิตอาวุธ 

จึงทำให้สหรัฐฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใดจากการสร้างสงครามอิรัก - อิหร่านช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิรักมากที่สุด ถ้าพูดถึงผู้นำอิรักแล้ว สหรัฐให้ความสำคัญกับผู้นำอิรักคือ ซัดดัม ฮุสเซน เป็นความต้องการของสหรัฐฯ ที่ต้องการจะสนับสนุนหรือสร้างผู้นำอิรัก เพื่อให้นำกองทัพของอิรักเข้าทำการรบกับอิหร่านซึ่งมีฝ่ายสหภาพโซเวียตให้การสนับสนุน การจะทำให้ซัดดัมเป็นผู้แทนในการทำสงครามกับฝ่ายคอมมิวนิสต์อย่างแข็งแกร่งได้นั้น สหรัฐฯ จึงจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทงบประมาณและเจ้าหน้าที่มหาศาลเพื่อช่วยเหลืออิรักหรือซัดดัม ฮุสเซน นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับ ซัดดัม ฮุสเซน เมื่อครั้งสงครามอิรัก-อิหร่าน ) เป็นอันว่า ซัดดัม ฮุสเซน ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสหรัฐฯ อีกต่อไป เพราะสงครามอิรัก-อิหร่าน ล้มเหลวในเชิงผลประโยชน์ของสหรัฐฯ )

เมื่อได้ลงทุนสร้าง ซัดดัม ขึ้นมาแล้วประกอบกับสหรัฐฯ มีความต้องการที่จะสร้างสงครามครั้งใหม่ ที่สามารถแก้ปัญหาของตนได้อย่างเบ็ดเสร็จและสามารถที่จะนำสหรัฐอเมริกาผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ ผู้นำของโลกหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง คือ การสร้างสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี ๒๕๓๔ 

ที่ผ่านมาถือว่าการใช้งาน ซัดดัม ฮุสเซน โดยสหรัฐอเมริกาไม่ได้ผลแต่ประการใด การสร้างสงครามอิรัก – อิหร่าน ไม่ได้ทำให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมาย

ด้านยุทธศาสตร์และด้านเศรษฐศาสตร์แต่ประการใด ได้เพียงแค่การต่อต้านการขยายอิทธิพลของสหภาพโซเวียตเท่านั้น เพราะสหภาพโซเวียตในขณะนั้นให้การสนับสนุนอิหร่าน ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อต่อสู้กับอิรักโดยการสนับสนุนจากสหรัฐฯ นั่นคือการได้ทำเพียงแค่สงครามตัวแทนสงครามตัวแทนเท่านั้นเอง

ที่มาของสงครามพายุทะเลทราย

๑) ภายหลังจากสงครามอิรัก - อิหร่าน เศรษฐกิจโลกได้ตกต่ำลงอย่างหนักสหรัฐอเมริกา ได้ปิดฐานทัพไปทั้งหมด ๔๐๐ กว่าแห่ง บริษัทต่าง ๆ กว่า ๖ แสนบริษัทได้ปิดตัวลงคนตกงาน จำนวนมหาศาล ต้องมีการเร่งขายอาวุธอย่างหนัก และอาวุธที่เหลือต้องขนไปเก็บไว้ที่เซาท์ ดาโกตา

เจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นคือซาอุดิอารเบีย เป็นจำนวนเงิน ๑๗ พันล้านดอลลาร์ ประธานาธิบดี จอร์จ บุช จึงได้ทำหนังสือถึงซัดดัม ฮุดเซน ผ่านฑูตสหรัฐอเมริกา ประจำอิรักให้บุกยึดคูเวต สหรัฐอเมริกาจะสนับสนุน 

แต่ซัดดัมไม่มีทุนเพราะการทำสงครามต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกทั้งอิรักยังบอบช้ำกับการทำสงครามอิรัก – อิหร่านที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา จึงตกลงจะให้เงินทุนสนับสนุนการทำสงครามในครั้งนี้แก่ ซัดดัม ฮุสเซน เป็นจำนวนเงิน ๓ พันล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งให้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ประกอบระบบอาวุธ

จากหลักฐานวีดีโอการสอบสวนประธานาธบดี บุช หลังจากที่ลงตำแหน่งแล้วปรากฏชัดว่า การให้การสนับสนุนของสหรัฐฯ ในเวลานั้นมีทั้งการสนับสนุนด้านการข่าวที่มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างการเตรียมการทำสงครามบุกยึดคูเวตของอิรัก การให้การสนับสนุนด้านอาวุธ การให้การสนับสนุนด้านโครงการพัฒนาอาวุธอำนาจทำลายล้างสูง 

และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์(โครงการพัฒนาอาวุธมีอำนาจในการทำลายล้างสูง รวมทั้งอาวุธเคมี ที่สหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดันให้สหประชาชาติเข้าไปตรวจค้นในอิรักก่อนที่จะทำสงครามอิรักครั้งที่ ๒ ในปี ๒๕๔๖ ล้วนแต่เป็นอาวุธที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิรักไว้แล้วทั้งสิ้น

แต่สหรัฐฯเพราะมีประเทศมหาอำนาจอื่นยุยงให้อิรักเคลื่อนย้ายออกจากที่ตั้งเดิมที่ซึ่งสหรัฐฯ รู้ตำแหน่งดี ) เป็นหลักฐานสาธารณะที่ชี้ชัดว่าสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนอิรักให้เข้ายึดครองคูเวต ( ซีดี INSIDE INFORMATION ที่ใช้ประกอบการบรรยายให้กับนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่นที่ ๔๕ ) การบุกยึดคูเวตของอิรักครั้งนี้สหรัฐฯ ได้แจ้งแก่ซัดดัมว่า

หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้กำลังเข้าผลักดันกำลังทหารอิรักออกจากคูเวตในสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี ๒๕๓๔ แล้ว สหรัฐฯ จะสั่งถอนทหารก่อนที่จะบุกเข้ายึดกรุงแบกแดดเมืองหลวงของอิรักได้เพื่อที่จะให้ซัดดัมยังคงมีอำนาจอยู่อีกต่อไป

ซึ่งสหรัฐฯ ก็ได้ทำตามที่ได้สัญญากับซัดดัมไว้ พอเคลื่อนทัพเข้าใกล้กรุงแบกแดดและสามารถที่จะจับตัวซัดดัมได้ สหรัฐฯ ก็สั่งให้ถอนกำลังออกอย่างไม่มีเหตุผล สร้างความฉงนงงงวยให้กับชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง

แต่แท้ที่จริงแล้วสหรัฐฯ ได้ตกลงกับซัดดัมไว้แล้วตั้งแต่ต้นจึงทำเช่นนั้น ผลก็คือ ซัดดัม ก็ยังคงอยู่ในอำนาจในอิรักต่อไป สหรัฐฯ ก็ได้หลายอย่างด้วยกัน

๒. เหตุผลของการสร้างสงครามอ่าว ( ๑๙๙๑ ) คือ ให้ซาอุดิอาระเบียซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาวุธหลายชนิดไม่มีที่เก็บ ทั้งยังเป็นการปลดหนี้และทำให้ทหารมีงานทำคือการที่ ซาอุดิอารเบียมีความกลัวต่อภัยคุกคามจากอิรักตามที่สหรัฐฯ ได้ใช้สื่อ CNN ประโคมข่าวถึงความน่าสะพรึงกลัวของอิรัก

ซาอุดิอารเบียจึงได้ทุ่มซื้ออาวุธจำนวนมหาศาลจากสหรัฐอเมริกา และอนุญาตให้สหรัฐอเมริกาตั้งฐานทัพในประเทศตนได้และรัฐบาลของซาอุดิอารเบียคาดว่าค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่ในที่สุด ซาอุดิอารเบีย ต้องกลายไปเป็นลูกหนี้ทางการเงิน อันเป็นผลมาจากการซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวนเงินถึง ๙ พันล้านดอลลาร์ เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมายมหาศาล 

ตั้งแต่การฝึกสอน ค่าอะไหล่ ค่าบำรุงรักษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ อีกมากมายจากการซื้ออาวุธของสหรัฐอเมริกา และเป็นผลให้สหรัฐอเมริกา สามารถควบคุมประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกได้ ประเทศตะวันตก สามารถแทรกเข้าอาหรับได้ 

ซึ่งแต่เดิมประเทศตะวันตกแทรกเข้าอาหรับได้ยากมาก และยังทำให้อาหรับแตกแยก และซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา การซื้ออาวุธนั้น ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ใช้การร่วมหุ้นในบริษัทผลิตน้ำมันของอาหรับ เช่น บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ของสหรัฐอเมริกา เอสโซ่ของอังกฤษ เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทน้ำมันในอาหรับประมาณ ๙ ใน ๑๐ เป็นของอเมริกันและอังกฤษ

การเคลื่อนไหวขึ้นราคาน้ำมัน ผู้ได้ผลประโยชน์ที่แท้จริงคือสหรัฐอเมริกาและอังกฤษและที่สำคัญที่สหรัฐฯได้รับคือการสามารถสร้างเกียรติภูมิทางด้านการเมืองและด้านการทหารให้กับตนเองอันจะกลับมาเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลกได้อย่างแท้จริง 

ทั้งนี้เกียรติภูมิด้านการทหารและด้านการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐฯได้สูญสิ้นไปเมื่อต้องพ่ายแพ้สงครามเวียดนามอย่างย่อยยับและหลังจากนั้นมาสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีการชัยชนะในสงครามใด ๆ อันจะสามารถกอบกู้เกียรติภูมิด้านการทหารของตนได้เลย 

ธุรกิจด้านการขายอาวุธก็ซบเซา เสียงของสหรัฐฯในประชาคมโลกก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือ ผลของการสร้างสงครามครั้งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกากอบกู้ศักดิ์ศรีของตน ขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง แก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ สามารถยึดครองภูมิภาคอันเป็นพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโลก คืออิรักและตะวันออกกลางได้อย่างเบ็ดเสร็จ 

โดยการยืมซากของผู้ที่เสมือนว่าตายไปแล้วคือ ซัดดัม ฮุสเซน ที่เสมือนว่าไม่มีประโยชน์อะไรต่อสหรัฐฯ ให้คืนชีพขึ้นมาเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ ในการสร้างสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี ๒๕๓๔ อีกครั้งหนึ่ง

กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
“ 
ยืมซากคืนชีพหมายถึง ใช้สิ่งที่ใช้ไม่ได้แล้วในทางเป็นจริง หรือฉวยโอกาสทุกอย่างเท่าที่จะสามารถจักหยิบฉวยได้ ให้เป็นประโยชน์ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายบางประการของตน ให้รอดพ้นจากความหายนะ เพื่อที่จะได้ยืนผงาดขึ้นมาใหม่ในวันหน้า หรือไม่วันใดก็วันหนึ่ง”.


Credite : http://porgorn0009.blogspot.com/2012/05/blog-post_1497.html?q=%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%93&view=classic

No comments:

Post a Comment