Thursday, April 8, 2021

ความรู้ คือ ความสามารถสะสมข้อเท็จจริง ,ปัญญา คือ ความสามารถในการเล็งเห็นว่าอะไรสำคัญ/ไม่สำคัญ ฉะนั้นต่อให้มีความรู้ท่วมหัว ก็อาจจะเอาตัวไม่รอด (ตอนที่2)

วิชาแยก (ย.) ;ทฤษฎี มันก็แค่ เปลือก / ปฏิบัติ ถึงเป็นแก่นแท้ คำสั่งจากหัวหน้า คือ พรจากสวรรค์ เพราะอะไร? 

ขงเบ้ง คือ ผู้มีสติปัญญาดุจดั่งเทพยดา

หากแต่ สุมาอี้ คือ ผู้มีสติปัญญาของปีศาจ ซาตาน

ศึกยกนี้ ซาตานรึว่าเทพ ฝ่ายไหนจะคว้าชัยชนะ

เมื่อจารชนสืบข่าวและสุมาเจียว มารายงานต่อ สุมาอี้เรื่องการตั้งค่ายทัพของม้าเจ๊ก เรื่องที่ว่า อีกฝ่ายตั้งค่ายทัพบนภูเขา เป็นโอกาสอันดีให้ฝ่ายเว่ยก๊กเข้าตี



เรื่องที่ขงเบ้งใช้ม้าเจ๊กให้ไปตั้งรับที่Key terrain ตามลิ้งค์ครับ https://suaraampera1785.blogspot.com/2021/04/blog-post_18.html
.....
พิชัยยุทธซุนวูว่าไว้
1.เมื่ออีกฝ่ายได้เปรียบ,สบาย พึงทำให้เหนื่อยล้า แล้วจึง..”รอซ้ำยามเปลี้ย”
2.เลี่ยงแข็งตีอ่อน
3.จะทำอะไรต้องเป็นฝ่ายกระทำ /ต้องถือไพ่เหนือกว่า,หากไพ่ต่ำกว่า ก็อย่าเผยไต๋มากนัก /ต้องเป็นฝ่ายคุมเกมให้ได้
4.ชนะโดยไม่ต้องรบ หรือถ้าจะกระทำก็ต้องเสียน้อยที่สุด ด้วยการ โจมตีไปที่จิตใจฝ่ายตรงข้าม ให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลงไปเองต่อหน้าคุณ แล้วค่อยโจมตีอย่างหนักหน่วง
.....
      เนื่องจากฝ่าย ม้าเจ๊กตั้งค่ายทัพบนภูเขา การที่ฝ่ายสุมาอี้ปะทะซึ่งหน้าย่อมเสียเปรียบ สุมาอี้จึงต้องสืบข่าวอย่างละเอียดที่สุดและปรับแผนใหม่

     สุมาอี้ขอลงไปตรวจหน้างาน ลาดตระเวนภูมิประเทศ โดยกล่าวแก่ทุกคนในที่ประชุมว่า

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อพวกเจ้า แต่ข้าเชื่อสายตาตัวเองมากกว่า”
.....
     เมื่อสุมาอี้พาลุกชายทั้งสองและนายทหารคนสนิทขึ้นภูเขาไป(เคลื่อนย้ายหน่วยเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน)  ลาดตระเวนภูมิประเทศ(ตรวจหน้างาน)เพื่อวางแผนขั้นต่อไป
      สุมาเจียวเตือนพ่อของตนว่า “ให้ระวังม้าเจ๊ก เพราะม้าเจ๊กเป็น คนสนิทของขงเบ้ง ,ขงเบ้งมักจะหารือปรึกษาข้อราชการกับม้าเจ๊ก เสมอมา”

“ข้าไม่สนใจว่าใครจะมีชื่อเสียงยังไง แต่ข้าดูที่วิธีการทำงานของเขามากกว่า” สุมาอี้สวนกลับไป
…..
เมื่อการตรวจหน้างานกำลังดำเนินไป

“ฮ่าๆ นี่หรือเด็กปั้นของขงเบ้ง ตั้งค่ายทัพบนภูเขา ถ้าข้าใช้วิธีการ ตัดทางลำเลียงเสบียงอาหาร,ตัดทางน้ำ
ปล่อยให้อีกฝ่าย อดตาย แล้วค่อยรอซ้ำยามเปลี้ย ก็ได้ชัยชนะละ” สุมาอี้อุทานออกมา

“ท่านพ่อ ผมขอแถมให้ใช้ไฟสุมด้วยครับ พวกมันจะได้หายใจไม่ออกครับ” สุมาเจียวเสนอไอเดีย

“เฉียบ” สุมาอี้บอกลูกชาย
.....
      เมื่อได้ข้อมูลจากการตรวจหน้างานและลาดตระเวนภูมิประเทศแล้ว สุมาอี้จึงวางแผนอีกครั้ง และเรียกลูกน้องมาออกคำสั่งยุทธการในแผนที่โต๊ะทราย โดยมีเจตนารมณ์ของสุมาอี้ดังนี้

1.ตัดทางลำเลียงเสบียงอาหาร ให้อีกฝ่าย อดอาหาร
2.ตัดทางน้ำ ให้อีกฝ่ายหิวน้ำ
3.ใช้ไฟสุมให้อีกฝ่ายที่อยู่บนภูเขาหายใจไม่ออก
4.ฝ่ายเว่ยก๊กใช้วิธี ล้อมภูเขาไว้ และส่งอีกทัพไปตั้งค้ำยันไม่ให้ ทางอองเป๋งยกทัพมาช่วยม้าเจ๊กได้

     ล้วนแต่เป็นการโจมตีทางจิตใจ ให้ศัตรูแพ้แก่ใจตนเอง ล้มลงไปเองต่อหน้าคุณ แล้วเข้าโจมตีด้วยกำลังอย่างหนักหน่วง ตามแบบซุนวู
.....
     ฝ่ายม้าเจ๊กพยายามบุกฝ่าตีลงมาจากบนเขา แต่ทหารของเขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นมาสู้ หิวข้าว หิวน้ำ
ทหารม้าเจ๊กบางจำพวก ก็เห็นว่า อยู่ไปไม่อดตายก้โดนฆ่าตาย ก็หนีไปสวามิภักดิ์ฝ่ายสุมาอี้สะงั้น

สุดท้าย ม้าเจ๊กรวบรวมแรงฮึดสุดท้าย สามารถตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ ไปรายงานตัวกับขงเบ้ง

ขงเบ้งจึงได้ไต่ถามหาความ จากทั้ง ม้าเจ๊กและอองเป๋ง ได้ความว่า อองเป๋งทัดทานแล้วแต่ม้าเจ๊กเลือกที่จะไม่ฟังคำทัดทานและเลือกที่จะไปตั้งค่ายทัพบนภูเขา แทนที่จะตั้งค่ายทัพปิด4ช่องทาง ตามที่ขงเบ้งสั่งการ

ผลการศึกครั้งนี้
     ฝ่ายจ๊กก๊ก(ขงเบ้ง)เป้นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้ขาดจุดที่ใช้ส่งกำลังบำรุง/จุดรวบรวมเสบียงอาหาร ต้องถอยทัพกลับไปตั้งหลักที่เมืองฮันต๋งอย่างทุลักทุเล ภายภาคหน้าโอกาสที่จะมาถึงตำบลเกเต๋งอีกคงจะยาก

     ม้าเจ๊ก เด็กปั้นของขงเบ้ง จึงต้องถูกประหารตามข้อตกลงที่ตัวเองได้ให้ไว้และกฎอัยการศึกเพื่อมืให้ใครทำเป็นเยี่ยงอย่างในกรณีขัดคำสั่งของขงเบ้ง เพราะว่า เสียภาพใหญ่เพราะไม่ทำตามสั่ง*****

     หากว่าม้าเจ๊กทำตามแผนที่ขงเบ้งไว้วางเอาไว้ ผลก็คงไม่เป้นเช่นนี้

     คำว่าพลิกแพลง กับ คำว่า คิดเองเออเอง มีเส้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้น

     ฝ่ายสุมาอี้ถือโอกาสที่ได้ชัยชนะไล่ตีฝ่ายขงเบ้ง ขณะที่กำลังทัพใหญ่ของขงเบ้งยังอยู่อีกไกล จนขงเบ้งต้องใช้ อุบายเมืองร้าง ทำให้สุมาอี้ต้องถอยทัพกลับไป

ข้อสรุป
1.สิบปากว่า...ไม่เท่าหนึ่งตาเห็นเช่นสุมาอี้ /นอกจากนี้เขายังพาลูกชายลงไปเห็นหน้างานจริงอีกด้วย สิ่งที่สุมาอี้พาลูกชายทั้งสองมาลงหน้างานจริงบ่อยๆ มันจะค่อยๆสะสมประสบการณ์ และจะออกดอกออกผลตอนท้ายๆ

2.ปัญหาลูกน้องทำนอกแผนตามที่คุยกันไว้ เพราะว่าเขาเห็นว่าทำแบบนี้ดีกว่า (แต่ไม่ได้แจ้งให้หัวหน้าทราบ )แล้วเสียภาพใหญ่ เชื่อว่า หลายๆคนก็คงเจอ ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น  เช่น ตกลงกันว่า จะทำแบบ A แต่ถึงเวลาทำจริง แบบAติดปัญหา /เห็นว่าทำแบบ B ดีกว่า( ******ต้องแจ้งให้ทราบ เพื่อปรับแผนอีกครั้ง /ยุคนี้มีโทรศัพท์น่าจะเร็ว /สมัยก่อนอาจจะใช้ม้าเร็วส่งข่าว )

เพราะว่า แผนที่หัวหน้าวางเอาไว้ มันอาจจะมีหลายขั้น ขั้น 1,2,3,4  

ถ้าขั้นที่ 1 ไม่ทำตามแผน ,หัวหน้าก็จะดำเนินการขั้นที่2 ไม่ได้ ( ขั้น2,3,4 ในมุมมองหัวหน้า ไม่จำเป็นต้องบอกให้ลูกน้องรู้ทุกขั้นตอน ,ไม่งั้นความลับรั่วไหล) ,เอาแค่ว่า ให้คุณไปทำขั้นที่1 ตามที่คุยกันไว้พอ ติดขัด/ปัญหา/ทำไม่ได้ ก็แจ้งขึ้นมาเพื่อหาแนวทางไปต่อรึว่า ใช้แผนสำรอง

*****อารมณ์ประมาณ ขั้นบันไดอะ  ขั้น1,2,3,4
ถ้าขั้น1 ไม่ขึ้น ,ก็จะไปขึ้น ขั้น2,3,4 ไม่ได้

     3.อย่าลืมว่า
-ถ้าเราทำตามที่หัวหน้าสั่งการ แต่ทำไปแล้ว ทำเต็มที่ด้วย ดันไม่สำเร็จ ยังพอคุยกันได้เพราะเราทำตามที่เขาสั่ง ,จังหวะนั้นแหละ เป็นจังหวะที่ควรเสนอไอเดีย

หากแต่

-ถ้าเราเลือกที่จะไม 


Credit : Karoon Smile

No comments:

Post a Comment