Saturday, April 14, 2018

ซุนวู ๑๓ บท : บทที่ ๔ รูปลักษณ์การรบ

ผู้สันทัดการรบในอดีต จักทำให้ตนมิอาจพิชิตได้ก่อน เพื่อรอโอกาสข้าศึกจะถูกพิชิต มิอาจพิชิตเป็นฝ่ายตน ถูกพิชิตเป็นฝ่ายข้าศึก ฉะนั้น ผู้สันทัดการรบ อาจทำให้ตนมิอาจพิชิตได้ แต่ไม่อาจทำให้ข้าศึกจะต้องถูกพิชิต ดังนี้จึงว่า ชัยชนะอาจล่วงรู้ แต่ไม่อาจกำหนดได้ ผู้ที่เราไม่อาจเอาชนะ พึงตั้งรับ

ผู้ที่เราอาจเอาชนะ พึงเข้าตี ตั้งรับเพราะกำลังไม่พอ เข้าตีเพราะกำลังเหลือเฟือ ผู้สันทัดการตั้งรับ จักประหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้บาดาล
 
ผู้สันทัดการเข้าตี จักประหนึ่งเคลื่อนตัวอยู่เหนือฟากฟ้า ฉะนั้น จึงสามารถพิทักษ์ตนเอง ให้ได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์
 
หยั่งเห็นในชัยชนะมิเกินซึ่งคนทั้งปวงรู้ หาใช่ความยอดเยี่ยมที่แท้ไม่ ฉะนั้น ยกขนนกขึ้นได้ใช่ว่าทรงพลัง เห็นแสงเดือนตะวัน ใช่ว่าตาสว่าง ได้ยินเสียงฟ้าคำรณใช่ว่าโสตไว

ขงเบ้ง : ผู้บริหารสันดานเสมียณ


"ขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง" ที่ปรึกษามือหนึ่งแห่งจ๊กก๊ก ของเล่าปี่ ถ้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ขงเบ้งก็เปรียบเหมือนกับ CEO ที่มีอำนาจหน้าที่ในหารบริหารธุรกิจแทนเจ้าของหรือก็คือมือปืนขององค์กรนั่นเอง ขงเบ้งเป็นผู้มีความฉลาดหลักแหลมทั้งในเรื่องการบริหารภายในองค์กรและการบริหารในเชิงกลยุทธ์และนโยบาย กล่าวคือ แต่เดิมองค์กรของเล่าปี่ก็ประกอบด้วยฝ่ายที่ปรึกษา ได้แก่ ซุนเขียน บิต๊ก (พี่ชายของนางบิฮูหยินผู้เป็นภรรยาเล่าปี่) กันหยง และฝ่ายปฏิบัติการได้แก่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง หากมองเผินๆ จะพบว่าฝ่ายปฏิบัติการ (ฝ่ายบู๊) นั้นมีความเข้มแข็งมาก หากแต่ฝ่ายที่ปรึกษา (ฝ่ายบุ๋น) นั้นยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร (ดังที่สุมาเต๊กโชอาจารย์ของขงเบ้ง บอกกับเล่าปี่ว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงผู้รู้หนังสือเท่านั้น หาใช่ปราชญ์ผู้พลิกแผ่นดินไม่) เพราะบุคคลดังกล่าวก็มาจากคนสนิทของเล่าปี่เอง ถ้าเทียบกับบริษัทหรือโรงงานๆ หนึ่งนั้น อาจจะมองได้ว่าฝ่ายผลิตและฝ่ายวิจัย มีความสามารถในการผลิตสินค้าที่ดีมากๆ หากแต่ขาดฝ่ายการตลาดและฝ่ายกลยุทธ์ที่จะช่วยขายสินค้าเหล่านี้ให้ได้ ดังนั้นขงเบ้งจึงเป็นบุคคลที่สามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ให้กับเล่าปี่ได้ จนทำให้เล่าปี่ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ได้ในที่สุด

Thursday, April 12, 2018

จิวยี่ ผู้ถ่มน้ำลายรดฟ้า


จิวยี่...เสือสำอาง

เทียนกี้แซยี่ ฮ่อปิ๊ดแซเหลียง
          ฟ้าให้ยี่มาเกิด ไฉนให้เหลียงมาเกิดด้วยเล่า..

          ผมเชื่อว่าประโยคข้างต้น ..เป็นประโยค"คุ้นหู"คนอ่าน"สามก๊ก" จนเป็นเสมือน"ตราบาป"ติดตัวเจ้าของคำพูด ..คนที่ชื่อ"จิวยี่"ไปตลอดกาล..

          จิวยี่เป็นคนเช่นนั้นจริงหรือ?
          แน่นอนว่า ใครที่อ่าน"สามก๊ก"..ก็คงคิดเช่นนั้น เพราะ"ภาพ"ที่ออกมาของจิวยี่ที่เป็น"คู่ปรับ"ของ ขงเบ้ง..จะออกมาในลักษณะ"ขี้อิจฉา" เนื่องจากเมื่อเทียบกับ"ขงเบ้ง" การต่อกรทุกครั้งจิวยี่จะเป็นผู้แพ้..
          แม้กระทั่งตอนเสียชีวิต ก็มีเรื่องเล่าว่า..
          จิวยี่ สิ้นชีพเมื่ออายุได้เพียง 36 ปี ระหว่างยกทัพบุกเมืองปาเหล็ง ด้วยอาการโลหิตเป็นพิษจากลูกธนู ประกอบกับความแค้นใจที่มีต่อขงเบ้ง จึงกระอักเลือดตาย ก่อนสิ้น จิวยี่ได้รำพันออกมาว่า "เมื่อฟ้าส่งข้ามาเกิดแล้ว เหตุไฉนถึงส่งขงเบ้งมาเกิดด้วย"

ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์เผชิญศึก : กลยุทธ์ที่ ๘ ลอบตีเฉินชัง

ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์เผชิญศึก
ยามเมื่อเผชิญศึก
เท็จลวงกับจริงแท้
พึงใช้สอดแทรกซึ่งกันและกันอย่างสลับซับซ้อน
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ

กลยุทธ์ที่ ๘ ลอบตีเฉินชัง
แสดงเคลื่อนให้เห็น ศัตรูสงบจึงกระทำ เข้าจู่โจมดุจพายุ

            กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ในการศึก ใช้โอกาสที่ฝ่ายข้าศึกตัดสินใจจะรักษาพื้นที่


แสร้งทำเป็นจะโจมตีด้านหน้า แต่เข้าจู่โจมในพื้นที่ข้าศึกไม่สนใจอย่างมิได้คาดคิด
ใน คัมภีร์อี้จิง ประโยชน์เรียกว่า เข้าจู่โจมดุจพายุซึ่งก็คือกลวิธีวกวนลอบเข้าจู่โจม
อย่างเป็นฝ่ายกระทำ เข้าตีข้าศึกโดยมิได้ระวังตัว เอาชนะอย่างมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง  

Saturday, April 7, 2018

ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์เผชิญศึก : กลยุทธ์ที่ ๗ มีในไม่มี


ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์เผชิญศึก
ยามเมื่อเผชิญศึก
เท็จลวงกับจริงแท้
พึงใช้สอดแทรกซึ่งกันและกันอย่างสลับซับซ้อน
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
 


กลยุทธ์ที่ ๗ มีในไม่มี
ลวง ใช่ลวง จริงอยู่ในลวง มืดน้อย มืดมาก ก็สว่าง
            กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ให้ใช้ภาพลวงล่อหลอกข้าศึก แต่มิใช้จะล่อลวงจนถึงที่สุด หากแต่เพื่อแปรเปลี่ยนจากลวงเป็นจริง ทำให้ข้าศึกเกิดความหลงผิด ที่ว่า ลวงก็คือ หลอกลวง" ที่ว่า มืดก็คือ เท็จจากมืดน้อยไปจนถึงมืดมาก จากมืดมาก แปรเปลี่ยนเป็นสว่างแจ้ง ก็คือ ใช้ภาพลวงปกปิดภาพจริง ผันจากเท็จลวงให้กลายเป็นจริงแท้ นี่เป็นเรื่องในการศึก เท็จลวงและจริงแท้สลับกันเป็นฟันปลา ในจริงมีเท็จ ในเท็จมีจริง มีในไม่มีหมายถึงกลอุบายซึ่ง จริงในเท็จที่ใช้ภาพลวงล่อหลอกข้าศึก ให้ข้าศึกเกิดความหลงผิดอย่างหนึ่ง