ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์เผชิญศึก
ยามเมื่อเผชิญศึก
เท็จลวงกับจริงแท้
พึงใช้สอดแทรกซึ่งกันและกันอย่างสลับซับซ้อน
ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ
กลยุทธ์ที่ ๘ ลอบตีเฉินชัง
แสดงเคลื่อนให้เห็น ศัตรูสงบจึงกระทำ เข้าจู่โจมดุจพายุ
กลยุทธ์นี้มีความหมายว่า ในการศึก
ใช้โอกาสที่ฝ่ายข้าศึกตัดสินใจจะรักษาพื้นที่
แสร้งทำเป็นจะโจมตีด้านหน้า
แต่เข้าจู่โจมในพื้นที่ข้าศึกไม่สนใจอย่างมิได้คาดคิด
ใน “คัมภีร์อี้จิง
ประโยชน์” เรียกว่า “เข้าจู่โจมดุจพายุ” ซึ่งก็คือกลวิธีวกวนลอบเข้าจู่โจม
อย่างเป็นฝ่ายกระทำ เข้าตีข้าศึกโดยมิได้ระวังตัว
เอาชนะอย่างมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ระบุไว้อย่างแน่ชัดว่า กรณีการถล่มตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์
ของสหรัฐอเมริกา โดยผู้ก่อการร้าย เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔
ที่ผ่านมานั้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาเอง
เพื่อการบรรลุเป้าหมายหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ในทันทีที่การถล่มตึกเวิร์ลด์เทรด
เซ็นเตอร์ สิ้นสุดลง สหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศทันทีว่า
กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ถล่มตึกเวิร์ลด์เทรด เซ็นเตอร์ นั้นเป็น กลุ่มผู้ก่อการร้าย
อัลกอร์ อิดะห์ โดยมีนาย โอซามา บิน ลาเดน เป็นหัวหน้ากระบวนการ
และจากการสืบทราบของสหรัฐอเมริกาเองทราบว่า บิน ลาเดน ได้กบดานอยู่ที่อัฟกานิสถาน
สหรัฐฯ จึงประกาศสงครามกับผู้ก่อการร้ายและเริ่มโจมตีอัฟกานิสถานทันที
เป็นที่น่าสังเกตว่า สหรัฐฯ
รีบประกาศสงครามถล่มอัฟกานิสถานเพื่อโจมตีฐานที่มั่นรัฐบาลตาลีบันของอัฟกานิสถาน
เพื่อตามจับตัวนายบิน ลาเดน ผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
แต่ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่แน่ชัดทั้งสิ้น ว่าบิน ลาเดน ทำเช่นนั้นจริง สหรัฐฯ
รีบรวบรวมพลพรรคแล้วโจมตีอัฟกานิสถานทันที พร้อมทั้งประกาศ ขู่ทุกประเทศทั่วโลกว่า
ประเทศใดที่ไม่ให้การสนับสนุนการสงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายของสหรัฐฯ
จะถือว่าเป็นพวกเดียวกันกับผู้ก่อการร้ายและเป็นศัตรูของสหรัฐฯ
ทำให้ทุกประเทศกลัวกันลนลาน ต้องประกาศตามสหรัฐฯ
ว่าจะสนับสนุนสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ เต็มที่ ประชาคมโลก
ต่างยังไม่หายจากอาการตกตลึงกับเหตุการณ์ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔
จึงยังไม่รู้ทิศทางว่าตนเอง จะทำอะไรต่อไปดีและสหรัฐฯ จะทำอะไรต่อไปดีเช่นเดียวกัน
เมื่อสหรัฐฯ ประกาศสิ่งใดออกมาวิธีที่ดีที่สุด คือต้องคล้อยตามสหรัฐฯ
เพียงประการเดียวเท่านั้น ทำให้การปฏิบัติการใด ๆ ของสหรัฐฯ ในช่วงนั้น
ดำเนินไปอย่างราบรื่นตามเป้าหมายทุกประการ ที่เรียกว่าเป็นการลอบตีเฉินซัง
ก็เพราะว่า ขณะนั้นไม่มีใครคาดคิดว่า สหรัฐฯ
จะประกาศเข้าโจมตีอัฟกานิสถานเพราะไม่เห็นว่าอัฟกานิสถาน จะเกี่ยวข้องอะไรกับกรณี
๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ แต่ในที่สุดก็ถึงบางอ้อเมื่อสหรัฐฯ เชื่อมโยงว่า เป็นที่ซ่อนตัวของ
บิน ลาเดน ที่ไม่คาดคิดยิ่งไปกว่านั้นคือ
เมื่อโจมตีจนกระทั่งสามารถยึดอัฟกานิสถานได้แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ได้ประกาศต่อไปอีกว่า บิน ลาเดน ได้หลบหนีเข้าไปยังพื้นที่ในมณฑลซินเกียงของจีน
ดังคำกล่าวของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุชว่า
“… Xinjiang’ Province of
China’s mainland is the best
and the most safety place
for Osama Bin Laden to hide
because there are the
Muslim minority’s homeland ….”.
“ …. We must not stop the
war on terrorism ,
we don’t know when the war
would be stopped ,
we’ll go to anywhere to every
countries which we believe that
there are hidden places
for the terror or the terror networks
according to our own
evidences. This is the 21st
Crusade War
and this is the true
Liberal War ……”
แต่จีนรู้ทันกลยุทธ์สหรัฐฯ ดีที่จะให้พื้นที่ของตนในการเคลื่อนไหวแล้วจะสร้างสถานการณ์
ในการก่อการร้ายให้รุนแรงขึ้นแล้วจะสร้างสถานการณ์เพื่อสนับสนุนให้มีการแยกมณฑลซินเกียง
เป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่
จีนจึงตัดบทว่าจะให้การสนับสนุนสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐฯ
แต่จะไม่ให้ผู้ก่อการร้ายใด ๆ เข้าไปเคลื่อนไหวในจีนได้โดยเด็ดขาด ทำให้สหรัฐฯ
ไม่สามารถที่จะเข้าไป ยังพื้นที่ของจีนได้ จึงเบี่ยงเบนเป้าหมายไปยังอาเซียน
การสร้างการก่อการร้ายในบาหลีของอินโดนีเซีย
การสร้างกลุ่มผู้ก่อการร้ายอามูซายาฟในฟิลิปปินส์เป็นเป้าหมายต่อไป
แล้วหลังจากนั้นก็นำกำลังทหารส่วนหนึ่ง
เข้าไปตั้งไว้ในเอเชียกลางเพื่อสกัดกั้นการติดต่อระหว่างจีนกับรัสเซียต่อไป
ที่สำคัญคือการนำชื่อของ ซัดดัม ฮุสเซ็น
มาอ้างเพื่อการทำสงครามอ่าวเปอร์เซียอีกครั้งหนึ่ง
ผลของการลอบตีอัฟกานิสถานในครั้งนี้
ประกอบไปด้วย
๑)
การสามารถยึดครองพื้นที่อันเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมที่สำคัญของโลกได้
คือที่อัฟกานิสถาน
ทั้งนี้เพราะอัฟกานิสถานเป็นแหล่งยูเรเนียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่อดีตสหภาพโซเวียต
ได้นำไปใช้ในการผลิตอาวุธนิเคลียร์ที่เมืองเคียฟ
๒)
สามารถยึดพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ที่ประเทศมหาอำนาจทุกยุคทุกสมัยต้องการยึดครองตั้งแต่
เจงกิสข่าน มาที่สหภาพโซเวียต
รวมทั้งจีนก็ยังมีความต้องการพื้นที่ทางยุทธศาสตร์อันนี้เช่นเดียวกัน
๓)
การสามารถเข้าควบคุมเอเชียกลางและสอดส่องดูการเคลื่อนไหวของจีนและรัสเซียได้
๔)
การใช้เป็นพื้นที่เริ่มต้นในการขยายสงครามไปสู่พื้นที่อื่นและไปสู่การสร้างสงครามอ่าวเปอร์เซีย
ครั้งที่ ๒ คือสงครามอิรักครั้งที่ ๒ นั่นเอง ( ๒๕๔๖ )
กลยุทธ์นี้จึงมีผู้สรุปว่า
“ เมื่อคู่ศึกทั้ง ๒
ฝ่ายตั้งประจันหน้ากัน จงใจสร้างเป้าหมายให้ฝ่ายตรงข้ามเพ่งเล็ง
รอจนเมื่อฝ่ายตรงข้ามวางกำลังใหญ่ป้องกันไว้ ณ ที่นั้นแล้ว
จึงรุกรบโจมตีเอาเป้าหมายอื่น ซึ่งก็คือการใช้จุดอ่อนแห่งภาวะจิตของมนุษย์
โจมตีในจุดที่ฝ่ายตรงข้ามมิได้คาดคิดมาก่อน และมิได้ระมัดระวังตัว
จึงได้มาซึ่งชัยชนะในการรุกรบ”.
Source : http://porgorn0009.blogspot.my/2012/05/blog-post_2970.html?view=magazine
No comments:
Post a Comment