Saturday, June 15, 2019

ชีซี เหวียนจื๋อ (Xu Shu) - ผู้ชี้ทางมังกรหลับ

ชีซี เหยียนจื๋อ (สวีซู่)
ผู้ชี้ทางมังกรหลับ

จากจดหมายเหตุชีวประวัติชีซี โดยเฉินโซ่ว
(Biography of Xu Shu)


            ชีซี หรือ สวีซู่ (Xu Shu) ชื่อรอง เหยียนจื๋อ (Yuanzhi) ปีเกิดไม่แน่ชัด เป็นชาวเมืองอิ่งชวน มณฑลเหอหนาน มีนามเดิมว่าตันฮก เมื่อวัยเยาว์ได้ฝึกฝนเพลงกระบี่และวิชาอาวุธ เมื่อวัยหนุ่มชอบการขี่ม้ายิงธนูและใช้ชีวิตเสเพลพอควร

ต่อมาเขาได้ลงมือสังหารข้าราชการกังฉินที่มีอิทธิพลในถิ่นบ้านเกิด จึงโดนทางการตามไล่ล่าตัว เขาจึงหาทางปกปิดโฉมหน้า เปลี่ยนทรงผมเหมือนชนเผ่านอกด่าน แต่ไม่นานก็โดนทหารตรวจการจับตัวมาสอบสวน เขาไม่ยอมบอกชื่อแซ่ของตนเอง จึงโดนจับขึงในกรงขังบนรถแล้วขี่ประจานไปทั่วเมือง แต่เขาก็ยังไม่ปริปากพูด ทางการมีประกาศให้ผู้คนที่รู้จักมาชี้ตัว แต่ก็ไม่มีใครมาชี้ตัวเขาเลย จนกระทั่งมีผู้ช่วยเหลือเขาออกมาได้ เขามีความยินดีมาก จึงเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ แล้วยังตัดสินใจเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เลิกละจากวิชาดาบ หันไปศึกษาตำราในสำนักบัณฑิตเป็นต้นมา


เมื่อชีซีศึกษาตำราอยู่ในสำนักบัณฑิต บรรดาบัณฑิตร่วมสำนักรู้พื้นเพของเขาแล้ว ก็ไม่ค่อยอยากคบค้าสมาคมและดูแคลนเขากันมาก แต่ชีซีก็ยังคงตั้งมั่นศึกษาวิชาต่อไปด้วยความเยือกเย็น เขาตื่นแต่เช้าตรู่ ทำความสะอาดภายในสำนัก ชำระค่าเล่าเรียนโดยไม่ขาด ต่อมาจึงได้พบกับเซ็กโต๋ พวกเขาจึงคบหากันเป็นสหายสนิทในที่สุด

จากนั้นหลายปีต่อมา ชีซีและเซ็กโต๋อพยพจากภาคกลางไปอาศัยอยู่ที่ดินแดนเกงจิ๋วเพื่อหลีกหนีไฟสงคราม เวลานั้นเขาได้มีโอกาสพบกับ จูกัดเหลียง ขงเบ้ง แล้วจากนั้นทั้งหมดจึงได้คบหากันเป็นสหายสนิทต่อกัน แล้วทั้งหมดก็ได้ศึกษาวิชาความรู้ร่วมกันมานับแต่นั้น

            ปีค.ศ.207 เวลานั้น เล่าปี่ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองซินเอี๋ย ช่วยเล่าเปียวป้องกันศึกจากโจโฉ เวลานั้นเล่าปี่ได้เชื้อเชิญชีซีมาให้คำปรึกษาแล้วได้ต้อนรับเป็นอย่างดี ชีซีได้แนะนำเล่าปี่ว่า

จูกัดเหลียง ขงเบ้ง เปรียบดั่งมังกรหลับท่านขุนพล (เล่าปี่) อยากพบเขาหรือไม่เล่าปี่ตอบกลับว่า โปรดรีบเชิญเขามาเถิดแต่ชีซีกล่าวต่อว่า เป็นการยากที่จะเชื้อเชิญขงเบ้งให้มาด้วยตนเอง ท่านควรต้องเดินทางไปพบกับเขาเอง เพื่อแสดงความจริงใจให้เขาได้เห็น

ด้วยเหตุนี้ เล่าปี่จึงตัดสินใจเดินทางไปพบขงเบ้งด้วยตนเอง แต่เมื่อไปถึงที่พักของขงเบ้งแล้วก็ไม่ได้พบ จำต้องเดินทางกลับ แต่เล่าปี่ก็ยังคงเดินทางกลับไปพบอีกถึงสามครั้ง สุดท้ายเล่าปี่จึงได้พบกับขงเบ้ง ทั้งคู่ได้สนทนาเรื่องราวของบ้านเมืองภายในกระท่อม แล้วในที่สุดขงเบ้งก็ได้รับทำงานเป็นที่ปรึกษาในกองทัพให้กับเล่าปี่มานับแต่นั้น

ปีค.ศ.208 เล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วได้ล้มป่วยแล้วสิ้นชีพลงกะทันหัน เล่าจ๋องบุตรชายรับสืบทอดอำนาจ ในปีเดียวกัน โจโฉเคลื่อนทัพใหญ่บุกเกงจิ๋ว ทำให้เล่าจ๋องยอมสวามิภักดิ์ เล่าปี่อพยพประชาชนจำนวนนับล้านหนีลงใต้ไปอยู่ที่เมืองแฮเค้า

โจโฉส่งทหารม้า 5,000 คนไล่ล่าขบวนของเล่าปี่ที่เตียงปันจนแตกกระเจิง มารดาของชีซีโดนโจโฉจับตัวได้ในระหว่างความวุ่นวาย ดังนั้นชีซีจึงตัดสินใจขอแยกจากขบวนของเล่าปี่เพื่อไปหามารดาของตนที่ทัพโจโฉ ก่อนจากไปนั้น เขาได้ยกมือขึ้นชี้ที่หน้าอกของตนแล้วกล่าวกับเล่าปี่ว่า

เดิมทีข้าพเจ้ามีใจที่หมายทำตามปณิธานแห่งหัวใจดวงนี้แล้วร่วมอยู่ใต้สังกัดของนายท่านต่อไป แต่บัดนี้ข้าพเจ้าเพิ่งสูญเสียมารดาผู้แก่ชราไป ในหัวใจของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความปั่นป่วน และไม่อาจใช้สติปัญญาหรือหลักเหตุผลอย่างที่เคยได้ ดังนั้นขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าได้จากไป ณ ที่แห่งนี้ด้วยเถิด

  ครั้นพูดจบแล้ว ชีซีก็เดินทางไปหาโจโฉแทน ฝ่ายเซ็กโต๋เองก็ได้ติดตามชีซีไปอยู่กับโจโฉด้วยเช่นกัน

           ชีซียังคงทำงานรับใช้วุยก๊กต่อไป ภายหลังเมื่อโจผีสิ้นชีพไปแล้ว โจผีบุตรชายได้ขึ้นสืบอำนาจต่อ ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้ลงแล้วปราบดาภิเษกขึ้นเป็นฮ่องเต้ จากนั้นโจผีก็แต่งตั้งชีซีให้เป็นแม่ทัพฝ่ายขวา ควบตำแหน่งราชเลขาธิการประจำราชสำนัก

         กระทั่งเมื่อถึงรัชสมัยของโจยอย ฝ่ายขงเบ้งได้เป็นสมุหนายก กุมอำนาจบริหารปกครองในจ๊กก๊กทั้งหมด ระหว่างขงเบ้งเตรียมกองทัพเพื่อออกศึกปราบภาคเหนือ เขาก็ได้ทราบว่าทั้งชีซีและเซ็กโต๋ได้กลายเป็นขุนนางที่มีชื่อเสียงและสถานะมั่งคั่งเป็นอย่างมาก แต่ขงเบ้งก็ได้กล่าวว่า ในวุยก๊กล้วนอุดมไปด้วยผู้มีสติปัญญาเป็นจำนวนมาก เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดช่วงใช้พวกเขาทั้งสองคนให้สร้างชื่อเสียงได้ยิ่งกว่านี้เล่า

ไม่กี่ปีต่อมา ชีซีก็ล้มป่วยแล้วเสียชีวิตลงในที่สุด ภายหลังคนจีนมีคำกล่าวถึงชีซีติดปากกันว่า กายอยู่กับโจโฉ แต่หัวใจอยู่กับราชวงศ์ฮั่น   

            ความสามารถของชีซีนั้นเป็นที่น่าสนใจว่า แท้จริงแล้วมีมากเพียงใด จากในจดหมายเหตุข้างต้นจะพบว่า ชีซีแทบไม่ได้แสดงผลงานในด้านการวางแผนกลยุทธ์ใดๆให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเท่าใดนัก แต่ผลงานหลักที่คนทั่วไปรับรู้คือ การเป็นผู้แนะนำชื่อของขงเบ้งให้เล่าปี่ได้รับทราบ จึงนำไปสู่เหตุการณ์เยือกระท่อมหญ้าสามคราที่โด่งดังในที่สุด

            ในนิยายสามก๊กนั้น มีเหตุการณ์ในศึกที่เมืองซินเอี๋ยซึ่งโจหยินนำทัพมาทำศึกกับเล่าปี่ เวลานั้นชีซีได้แสดงความสามารถในกลยุทธ์ทางทหาร ด้วยการหาช่องว่างของค่ายกลแปดประตูทองคำที่โจหยินได้พัฒนาขึ้นมาแล้วสามารถวางแผนทำลายไปยังช่องว่างนั้นได้ นี่จึงเป็นผลงานทางทหารที่สำคัญของชีซี นอกจากนี้ ในบรรดากุนซือจำนวนนับไม่ถ้วนที่โลดแล่นอยู่ในยุคสามก๊กนั้น ชีซีเป็นเพียงไม่กี่คนที่มาจากสายบู๊อย่างเด่นชัด  


สรุปข้อแตกต่างเรื่องราวของชีซี ระหว่างจดหมายเหตุและนิยาย

           1. ในนิยายสามก๊ก หลอก้วนจงได้เสริมเติมเรื่องราวการพบกันของเล่าปี่และชีซีอย่างมีสีสันมากขึ้น โดยก่อนหน้าที่ทั้งสองจะลาจากกันนั้น ชีซีได้มองดูม้าที่เล่าปี่ขี่มา ซึ่งม้าตัวนี้เป็นม้าสีขาวที่มีชื่อว่าเต็กเลา เขาจึงได้บอกเล่าปี่ว่าม้าตัวนี้เป็นม้าที่มีลักษณะไม่ดีและจะนำโชคร้ายมาให้แก่ผู้ที่ขี่มัน ดังนั้นเล่าปี่จึงควรจะละม้าตัวนี้ไปเสีย วิธีการที่ดีก็คือยกม้าตัวนี้ให้กับคนที่เป็นศัตรูหรือผู้ที่เล่าปี่หมายจะเอาชีวิต ก็จะขจัดปัญหาได้อย่างไม่ยาก เล่าปี่ได้ฟังเช่นนั้นก็ปฏิเสธไป แล้วกล่าวว่านั่นเป็นสิ่งที่ขัดต่อคุณธรรมแล้วจึงคิดจะควบม้าจากไป ชีซีได้ฟังคำตอบเช่นนั้นจึงพบว่านี่แหละคือเจ้านายที่เขาเฝ้ารอมานาน และเรียกให้เล่าปี่หยุดไว้จากนั้นจึงบอกว่าที่เขาถามไปเช่นนั้นก็เพราะต้องการทดสอบเล่าปี่ว่าจะมีคุณธรรมในใจสักแค่ไหน เมื่อทราบแล้วจึงขอมาอยู่รับใช้เล่าปี่นับจากนี้ไป

            2. ในนิยาย ชีซีแทบจะยุติบทบาทลงหลังจากได้ไปอยู่กับโจโฉแล้ว โดยมีบทบาทสั้นๆอีกครั้งคือ ชีซีได้อาสาโจโฉเดินทางมาพบขงเบ้งในระหว่างศึกผาแดงเพียงเท่านั้น

             3. จริงอยู่ว่าในนิยายนั้น ชีซีไม่ได้เสนอแผนการทางทหารหรือช่วยเหลือโจโฉเลย แต่ที่น่าสนใจคือ ในจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่าชีซีได้รับตำแหน่งขุนนางที่สำคัญ แล้วยังมีอำนาจบัญชาทหารอีกด้วย      



Credit : https://my.dek-d.com/sirpass/story/viewlongc.php?id=10590&chapter=9

No comments:

Post a Comment