ข้อกำหนดนี้ไร้เหตุผลและสร้างความยุ่งยาก เพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายให้แก่พี่น้องคนไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแรงงานที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ทั้งนี้ การเดินทางเดินทางไปยังสถานพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมาเลเซียมีมาตราการควบคุมการเดินทาง (MCO) ที่เข้มงวด แล้วก็ต้องเสียเงิน ุ60-70 ริงกิตสำหรับค่าใบรับรองแพทย์ (เงินจะซื้ออาหารกินยังไม่มี) อีกทั้งสถานพยาบาลที่รับตรวจได้ตามที่ประกาศสถานเอกอัครราชทูตรวบรวมไว้ก็มีน้อยมากในแต่ละรัฐ
ที่สำคัญใบรับรองแพทย์ fit to travel ไม่ได้มีผลอะไรต่อการป้องกันโควิด 19 เลย (ประเด็นนี้มีคนพูดมาเยอะแล้ว มีบทความ TDRI ออกมาด้วย) ที่สำคัญด่านชายแดนมีกระบวนการคัดกรองโรคและการกักตัวที่เข้มงวดอยู่แล้ว ทำไมรัฐถึงไม่ยอมปรับปรุงข้อกำหนดนี้ จะกีดกันไม่ให้คนกลับบ้านไปถึงไหน
ที่สำคัญใบรับรองแพทย์ fit to travel ไม่ได้มีผลอะไรต่อการป้องกันโควิด 19 เลย (ประเด็นนี้มีคนพูดมาเยอะแล้ว มีบทความ TDRI ออกมาด้วย) ที่สำคัญด่านชายแดนมีกระบวนการคัดกรองโรคและการกักตัวที่เข้มงวดอยู่แล้ว ทำไมรัฐถึงไม่ยอมปรับปรุงข้อกำหนดนี้ จะกีดกันไม่ให้คนกลับบ้านไปถึงไหน
หมายเหตุ
เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 รายงานของ #คณะกรรมการเฉพาะกิจสมาคมจันทร์เสี้ยวการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อร่วมช่วยเหลือคนไทยในประเทศมาเลเซีย (คฉ.จม.) ได้มีข้อเสนอถึงรัฐบาลต่อเรื่องใบรับรองแพทย์ fit to travel ดังนี้(ดูที่ https://www.facebook.com/…/a.691330664639…/910502739388958/…)
"รัฐบาลไทยต้องตระหนักอยู่เสมอว่า การเดินทางเข้าประเทศของคนไทยเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองตามมาตรา 39 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ว่า “การเนรเทศบุคคลสัญชาติไทยออกนอกราชอาณาจักร หรือห้ามมิให้ผู้มีสัญชาติไทยเข้ามาในราชอาณาจักร จะกระทำมิได้” (10) และรัฐจะต้องไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพนี้ของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ (11) ทุกวันนี้แม้รัฐบาลมาเลเซียอนุโลมให้แรงงานที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานและเอกสารการเดินทางหมดอายุอยู่ต่อในประเทศมาเลเซียได้ แต่ความอดยาก การไม่มีเงิน และความไม่แน่นอนของทั้งสถานการณ์โควิด 19 ในมาเลเซียและการจัดระบบแรงงานต่างชาติของมาเลเซียหลังโควิด 19 ทำให้แรงงานไทยจำนวนมากต้องการเดินทางกลับไทย ที่ผ่านมาข้อกำหนดเรื่องใบรับรองแพทย์ ได้สร้างภาระอย่างมากให้แก่แรงงานไทยที่ต้องการกลับบ้าน เพราะแรงงานไทยส่วนมากเข้าไม่ถึงสถานพยาบาล อีกทั้งใบรับรองแพทย์ที่แม้จะระบุคำว่า fit to travel ก็ไม่สามารถบ่งชี้ภาวะการติดโรคโควิด 19 ได้แต่อย่างใด (12) จึงควรยกเลิกเสีย เช่นเดียวกับหนังสือรับรองการเดินทางที่ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ไทย ที่ก็สร้างภาระให้กับแรงงานไทยมากเช่นกัน โดยเฉพาะที่คนเข้าไม่ระบบออนไลน์หรือใช้ภาษาไทยไม่คล่อง จึงสมควรยกเลิกด้วยเช่นกัน"
(10) ดูเพิ่มเติมใน การเดินทางกลับบ้านเป็นสิทธิตาม รัฐธรรมนูญ / รศ.ดร.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์http://www.law.tu.ac.th/tulawcovid19-right-of-return/…
(11) “การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิได้บัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพไว้ด้วย
กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง” (รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 26)
กฎหมายตามวรรคหนึ่ง ต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่งหรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง” (รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 26)
(12) ดูบทความ “Fit-to-fly ไม่ช่วยกันโควิด-19 ซ้ำเพิ่มภาระคนไทยในต่างแดน”https://www.isranews.org/…/isranews-art…/87275-news-12.html…
credit : Chalita Bundhuwong
No comments:
Post a Comment